มีส้ม ไม่ทนโกง: ปิดทุกช่องโหว่ แก้โกงให้ถึงราก

สร้างระบบที่คนโกงไม่ได้ โดยเปิดเผยข้อมูลรัฐเป็นหลัก ใช้เทคโนโลยีลดการใช้ดุลพินิจเจ้าหน้าที่ และสร้างกลไกตรวจสอบที่เข้มแข็งเพื่อลดโอกาสการทุจริต สร้างสังคมปลอดคอร์รัปชัน

มีส้ม ไม่ทนโกง:  ปิดทุกช่องโหว่ แก้โกงให้ถึงราก

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

สถานการณ์คอร์รัปชันของไทยอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงมาก ข้อมูลจากดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ที่จัดทำโดย Transparency International ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าคะแนนของประเทศไทยลดลงเรื่อย ๆ และอันดับโลกก็แย่ลงตามไปด้วย

สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน สถานการณ์การทุจริตในภาครัฐของไทยกลับย่ำแย่กว่าอินโดนีเซียและเวียดนามไปแล้ว

เป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ชาติกำหนดไว้ว่า ไทยควรได้คะแนน CPI ไม่ต่ำกว่า 57 คะแนน แต่ผลลัพธ์ล่าสุดในปี 2567 ประเทศไทยกลับได้คะแนนเพียง 34 คะแนน และอยู่ในอันดับที่ 107 ของโลก ตัวเลขเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการแก้ไข แต่ยังคงแย่ลงและฝังรากลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ

เราจะทำอะไร (WHAT)

เราเชื่อว่าการจะหยุดยั้งคอร์รัปชันต้องเริ่มจากการแก้ไขที่ตัวระบบ ไม่ใช่แค่ตัวบุคคล โดยอ้างอิงจาก สมการคอร์รัปชัน โดย Robert Klitgaard ที่ใช้กันทั่วโลก:

 

C = M + D - A

 

สมการนี้หมายความว่า:

C (Corruption): การทุจริตจะเกิดขึ้นได้

M (Monopoly): เมื่อมีการ ผูกขาดอำนาจ

D (Discretion): และมีการใช้ ดุลยพินิจ ของเจ้าหน้าที่อย่างอิสระ

A (Accountability): โดยที่ขาด กลไกการตรวจสอบ ที่ดี

พรรคประชาชนจึงจะปฏิรูประบบราชการให้เปลี่ยนจาก "ระบบที่พึ่งพาคนดีไม่ให้โกง" เป็น "ระบบที่ออกแบบมาให้คนไม่ดีก็โกงไม่ได้" ด้วย 3 แนวทางหลัก:

1. เปิดทุกข้อมูลโดยอัตโนมัติ: ให้ข้อมูลของภาครัฐทั้งหมดถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยทันที ยกเว้นข้อมูลที่เป็นความลับด้านความมั่นคงหรือข้อมูลส่วนตัวของบุคคล

2. ใช้เทคโนโลยีลดอำนาจคน: นำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่ออุดช่องโหว่การทุจริต  ตัวอย่างเช่น ใช้ AI Red Flag หรือการใช้ AI มาเรียนรู้รูปแบบของการทุจริต ฮั้วประมูลในอดีต เพื่อมาช่วยจับพิรุธในการใช้งบประมาณหรือการฮั้วประมูล และแจ้งเตือน “ธงแดง” โครงการที่มีความเสี่ยง รวมถึงใช้เทคโนโลยีช่วยในการขอใบอนุญาตและการบังคับใช้กฎหมาย เช่น จากกล้องวงจรปิด

3. สร้างกลไกตรวจสอบและคุ้มครอง: ปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม ลดการผูกขาด และสร้างมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower) ให้ได้รับรางวัลและปลอดภัยจริง นอกจากนี้จะใช้มาตรการ "คนโกงวงแตก" เพื่อให้ผู้ร่วมทุจริตหวาดระแวงกันเอง

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

แผนปฏิบัติการเพื่อสร้างระบบป้องกันคอร์รัปชันที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วย 8 มาตรการสำคัญ:

1. เปลี่ยนกฎหมายข้อมูลข่าวสาร: เปลี่ยน พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ เป็น "พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของสาธารณะ" เพื่อวางหลักการ "เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น" โดยเฉพาะฐานข้อมูลสำคัญของรัฐ (เช่น งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง) ต้องเปิดเผยในรูปแบบดิจิทัลที่ใครก็สามารถนำไปตรวจสอบได้ง่าย

2. พัฒนาระบบบริการภาครัฐช่องทางเดียว: พัฒนาระบบออนไลน์ของรัฐให้เชื่อมโยงกัน และสามารถใช้บริการได้ในช่องทางเดียว เช่น ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" และ "BizPortal" เพื่อลดความยุ่งยากและการพบปะเจ้าหน้าที่

3. ใช้เทคโนโลยีช่วยตรวจสอบอัตโนมัติ: พัฒนาระบบที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และเพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของขั้นตอนการขออนุญาตต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ

4. ออกระเบียบสำนักนายกฯที่จำเป็น: ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อ

  • ป้องกันการใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเองทางการเมือง 

  • บังคับให้นำเงินนอกงบประมาณทั้งหมดเข้าสู่ระบบ GFMIS (ระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐ) เพื่อให้ตรวจสอบได้ทุกบาททุกสตางค์ 

  • ขยายการตรวจสอบทางจริยธรรม (Integrity Pact) ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ (ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป)

5. ทบทวนกฎหมายที่ล้าสมัย (Regulatory Guillotine): ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายเก่าที่ทำให้ประชาชนทำถูกกฎหมายได้ยากและเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่เรียกรับสินบนได้ (เช่น กฎหมายโรงแรม, กฎหมายสถานบริการ)

6. ปรับปรุงกฎหมายให้ใช้เทคโนโลยีบังคับใช้ได้: แก้ไขกฎหมายต่าง ๆ (เช่น พ.ร.บ. จราจรทางบก) เพื่อเพิ่มการใช้เทคโนโลยี (กล้องวงจรปิด, ภาพถ่าย) เข้ามาช่วยบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แทนการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่

7. เสริมกลไก "แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน": ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อคุ้มครองและให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower) ให้ได้รับเงินรางวัลจริงจากกองทุน ป.ป.ช. อย่างเป็นธรรม

8. ผลักดันกฎหมาย "คนโกงวงแตก" (Leniency Law): ออกกฎหมายนี้เพื่อให้ผู้ที่ร่วมทุจริตแล้วตัดสินใจให้ข้อมูลแก่รัฐเป็นคนแรก ได้รับการพิจารณาลดโทษหรือกันเป็นพยาน วิธีนี้จะทำให้ขบวนการทุจริตขาดความเชื่อใจกันและเดินต่อได้ยากในที่สุด