รวมศูนย์บริการคนไทยในต่างประเทศไว้ที่จุดเดียว

ตั้งศูนย์บริการคนไทยทั่วโลก เป็น One-stop service สำหรับคนไทยในต่างประเทศ พลิกโฉมบริการรัฐด้วยระบบดิจิทัลและการคุ้มครองสิทธิที่เท่าเทียม ดึงศักยภาพคนไทยร่วมพัฒนาประเทศ

รวมศูนย์บริการคนไทยในต่างประเทศไว้ที่จุดเดียว

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ปัจจุบันมีคนไทยกระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก  แต่รัฐไทยยังคงปฏิบัติต่อคนไทยในต่างประเทศในฐานะ “ผู้ขอรับบริการเป็นครั้งคราว” ทำให้เกิดปัญหาหลักที่สะสมมายาวนาน ส่งผลให้คนไทยในต่างแดนเสียสิทธิและโอกาส

  1. ปัญหาการยืนยันตัวตนและเอกสาร: ระบบราชการไทยมักผูกติดกับบัตรประจำตัวประชาชนแบบกายภาพ เมื่อบัตรหมดอายุหรือสูญหาย การทำธุรกรรมพื้นฐานจึงกลายเป็นเรื่องยาก แม้พาสปอร์ตไทยจะเป็นเอกสารที่รัฐออกให้เช่นกัน แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่สามารถใช้ทดแทนบัตรประชาชนได้ในหลายกรณี

  2. ภาระทางทะเบียนและสัญชาติ: กระบวนการแจ้งเกิดและถือสัญชาติไทยสำหรับลูกหลานในต่างแดนมีความซับซ้อน และยังมี “ภาระพ่วง” โดยเฉพาะความกังวลเรื่องการบังคับเกณฑ์ทหาร ทำให้หลายครอบครัวชะลอการทำเรื่องสัญชาติ ทั้งที่ต้องการรักษาความผูกพันกับบ้านเกิด

  3. สิทธิพลเมืองที่ไม่สมบูรณ์: แม้รัฐธรรมนูญจะรับรองสิทธิการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร แต่ระบบยังไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ขาดการสื่อสารที่ทั่วถึง และขาดช่องทางให้คนไทยทั่วโลกมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะอย่างเป็นระบบ

  4. ความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ยังไม่เพียงพอ: ในภาวะวิกฤต ช่องทางการติดต่อรัฐไทยยังกระจัดกระจาย โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานไทยที่สร้างรายได้มหาศาลส่งกลับประเทศ แต่มักเผชิญการละเมิดสิทธิแรงงานและการถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งงบประมาณช่วยเหลือทางกฎหมายของกระทรวงแรงงานในปัจจุบันยังมีน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนปัญหา

  5. การสูญเสียทุนทางปัญญา: รัฐไทยยังไม่มีแพลตฟอร์มกลางที่ต่อเนื่องในการดึงดูดความรู้และเครือข่ายของคนไทยผู้เชี่ยวชาญในต่างแดนมาพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

เราจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนนำเสนอแนวทาง “5 เสาหลักเพื่อคนไทยทั่วโลก” 

  1. เชื่อมโยงระบบพิสูจน์ตัวตนดิจิทัล (ThaiID): ยอมรับพาสปอร์ตไทยและระบบระบุตัวตนดิจิทัล (Digital ID) เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนเต็มรูปแบบในการใช้บริการกงสุล งานทะเบียน และบริการภาครัฐอื่นๆ

  2. ยกระบบบริการสู่ดิจิทัล: ลดขั้นตอนการเดินทางและเอกสารซ้ำซ้อน รวมถึงพัฒนาระบบการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรให้สะดวก โปร่งใส และปลอดภัย

  3. ปลดล็อกภาระ: ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ เพื่อทำให้การได้รับสัญชาติไทย ไม่ใช่ "ภาระ" แต่เป็น "โอกาส" ของเยาวชนไทยในการเข้าถึงสิทธิและอนาคตที่เปิดกว้าง เช่น ได้รับคูปองเรียนรู้และฝึกงานในไทย ตามนโยบายของรัฐบาลพรรคประชาชน

  4. จัดตั้งระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน (Thai SOS): รวมศูนย์การแจ้งเหตุและติดตามผลการช่วยเหลือไว้ในจุดเดียว พร้อมเครือข่ายอาสาสมัครตอบสนองทันทีในพื้นที่ และจัดสรรงบประมาณจ้างทนายความประจำ 6 ประเทศที่มีแรงงานไทยสูง เพื่อปกป้องสิทธิและให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่คนไทยอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง

  5. สร้างแพลตฟอร์มพลังสมอง (Thai Global Talent & Ideas): สร้างช่องทางถาวรในการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญคนไทยทั่วโลกในประเด็นเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม โดยเชื่อมโยงข้อเสนอสู่หน่วยงานรัฐโดยตรง

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

เริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมโครงสร้างกำกับนโยบาย ที่เป็นเอกภาพ:

  • จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการคนไทยทั่วโลก (Thailand Global Citizen Service)” เพื่อบูรณาการงานที่ปัจจุบันกระจายอยู่หลายหน่วยงาน อยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี (สลค./สกนช. หรือหน่วยงานที่นายกฯ มอบหมาย)

แผนการดำเนินงาน แบ่งเป็น 3 ปี

ปีที่ 1: “ทำให้ใช้ได้จริงทันที” (Quick Wins + โครงสร้างกลาง)
เป้าหมาย: ลดปัญหาเรื่องบัตรประชาชน รวมช่องทางบริการ และจัดการกรณีฉุกเฉินให้ทันเวลา

  • การวางรากฐาน: ตั้งศูนย์อำนวยการคนไทยทั่วโลก พร้อมออกคำสั่งและมติคณะรัฐมนตรีเพื่อบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน
  • ตัวตนดิจิทัล: เริ่มระบบ Remote ID Recovery ในประเทศนำร่อง 10–15 แห่ง (เมืองใหญ่ที่มีสถานทูต) เพื่อกู้คืนและออกตัวตนดิจิทัลใหม่ได้โดยไม่ต้องบินกลับไทย โดยยอมรับพาสปอร์ตไทยเป็นหลักฐานหลักและเพิ่มการยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID/Biometric
  • บริการกงสุล: เปิดตัว One-Stop Digital Consular (v.1) สำหรับนัดหมาย ชำระเงิน ติดตามสถานะ และแจ้งเตือน
  • ความช่วยเหลือฉุกเฉิน: ยกระดับ “Thai SOS” เป็นช่องทางเดียวระดับโลก (เบอร์/แชต/แอป) พร้อมระบบติดตามเคส (Case Tracking) ให้ญาติหรือผู้แจ้งเห็นความคืบหน้า
  • การมีส่วนร่วม: เปิดแพลตฟอร์ม Global Talent & Ideas (Beta) และจัดเวทีระดมสมองรายไตรมาส
  • การเลือกตั้ง: ปรับปรุง UX การลงทะเบียนและสื่อสารสิทธิให้ใช้งานง่าย “คนใช้แล้วไม่งง”

ปีที่ 2: “เชื่อมระบบ-ขยายประเทศ-เริ่มปลดล็อกกฎหมาย”

เป้าหมาย: เชื่อมโยงข้อมูลข้ามหน่วยงานจริง ขยายบริการดิจิทัล และเริ่มแก้ข้อจำกัดทางกฎหมาย

  • การเชื่อมต่อฐานข้อมูล: เชื่อมทะเบียนราษฎร–ThaiID–บริการกงสุล เข้าด้วยกันด้วยระบบ API มาตรฐานที่ทุกหน่วยงานใช้ชุดข้อมูลเดียวกัน
  • บริการ Digital-by-Default: ขยายการบริการสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ (End-to-End) เริ่มจากรายการเอกสารที่เสี่ยงต่ำ เช่น ระบบรับรองเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Apostille/e-legalization)
  • ปลดล็อกภาระทางกฎหมาย: เดินหน้ากฎหมายเปลี่ยนผ่านเพื่อ ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ และปรับกระบวนการสัญชาติ/แจ้งเกิดต่างประเทศให้มีความชัดเจนด้านเวลาบริการ (SLA)
  • การเชื่อมโยงลูกหลาน: เปิดตัว คูปอง “เรียนรู้ประเทศไทย” (Thailand Learning & Experience Coupon) รุ่นแรก เพื่อส่งเสริมการฝึกงานและเรียนรู้วัฒนธรรม

ปีที่ 3: “ครบวงจร-ยั่งยืน-ขยายผลเป็นระบบชาติ”

เป้าหมาย: ทำให้คนไทยต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบริการสมัยใหม่อย่างถาวร

  • ระบบสมบูรณ์แบบ: เปิดใช้งาน One-Stop Digital Consular เวอร์ชันเต็ม ที่รวมบริการหลักแทบทั้งหมดผ่านระบบลงชื่อเข้าใช้งานเดียว (Single Sign-on)
  • เครือข่ายความปลอดภัย: ระบบ Thai SOS เชื่อมโยงเครือข่ายอาสาและพันธมิตรท้องถิ่นในเมืองหลักอย่างครอบคลุม ทั้งด้านกฎหมายและที่พักฉุกเฉิน
  • ความมั่นคงด้านสัญชาติ: ระบบสัญชาติและทะเบียนข้ามพรมแดนทำงานแบบ “จบในระบบ” โปร่งใส และตรวจสอบได้
  • วงจรนโยบาย: แพลตฟอร์มระดมไอเดียทำงานอย่างต่อเนื่อง มีงบกองทุนเล็ก (Micro-grants) และพื้นที่ทดลองนโยบาย (Sandbox) ประจำปี
  • การปฏิรูปถาวร: สรุปบทเรียนเพื่อแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เป็นคอขวด พร้อมตั้งงบประมาณประจำปีเพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงาน (จ้างทนายความ/ที่ปรึกษากฎหมาย) ใน 6 ประเทศเป้าหมายอย่างยั่งยืน