ศาลทหาร ถูกวิพากษ์วิจารณ์มายาวนานว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองและแหล่งฟอกขาวความผิดสำหรับนายทหารระดับสูง โดยมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ขัดต่อหลักนิติธรรมสากล ดังนี้:
• เครื่องมือทางการเมือง: ในช่วงรัฐประหาร ศาลทหารมักถูกใช้เพื่อดำเนินคดีกับพลเรือนและผู้เห็นต่างทางการเมือง แทนที่จะทำหน้าที่พิจารณาคดีวินัยทหารตามปกติ
• การฟอกขาวและวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด: คดีทุจริตสำคัญในกองทัพ เช่น คดีเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 และ คดี Alpha 6 มักไม่มีความคืบหน้าเมื่อเข้าสู่กระบวนการของศาลทหาร รวมถึงคดีซ้อมทรมานพลทหารจนเสียชีวิต และเหตุการณ์ใช้อาวุธสงครามสลายการชุมนุม (เช่น กรณีวัดปทุมวนาราม) ที่ผู้กระทำผิดมักรอดพ้นการตรวจสอบ
• โครงสร้างไม่เป็นอิสระ: ศาลทหารสังกัด กรมพระธรรมนูญซึ่งอยู่ภายใต้ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหมทำให้ขาดการถ่วงดุลอำนาจเพราะเป็นการ "ตรวจสอบกันเอง" ภายในสายบังคับบัญชา เปิดช่องให้ระบบอุปถัมภ์ช่วยเหลือพวกพ้อง
เราจะปฏิรูปเขตอำนาจศาลทหารผ่านการแก้ไขกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ 3 ฉบับ ได้แก่
พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498
พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559
พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
เพื่อให้คดีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวินัยทหารโดยตรง ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติที่เป็นกลาง:
คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ: โอนไปสู่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
คดีอาญาทั่วไปและคดีละเมิดสิทธิมนุษยชน: (เช่น การซ้อมทรมาน การฆาตกรรมพลเรือน) โอนไปสู่ ศาลยุติธรรม
ระยะสั้น: แก้ไขกฎหมายวิธีพิจารณาความและธรรมนูญศาล
1. ปรับปรุง พ.ร.บ. ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 (Military Court Constitution Act B.E. 2498)
แยกคดีออกจากศาลทหาร:
• คดีทุจริต: ให้ขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตฯ เหมือนข้าราชการอื่น เพื่อความโปร่งใสและคุ้มค่าของงบประมาณ
• คดีซ้อมทรมาน/อุ้มหาย: ให้ขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อป้องกันการประวิงเวลาผ่านคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
• คดีอาญาต่อพลเรือน: (เช่น ทำร้ายร่างกาย ฆ่าผู้อื่น) ให้ขึ้นศาลยุติธรรม เพราะการทำร้ายประชาชนไม่ใช่ภารกิจทางทหาร
• คดีชำนาญพิเศษ: ให้ขึ้นศาลเฉพาะทาง เช่น ศาลเยาวชนและครอบครัว, ศาลแรงงาน ฯลฯ
ปฏิรูปโครงสร้างศาล:
• ตั้งคณะกรรมการตุลาการทหาร (กตท.): ดึงผู้เชี่ยวชาญ หรือนักวิชาการนิติศาสตร์ภายนอกเข้าร่วม เพื่อยกระดับมาตรฐานให้เท่าเทียมมาตรฐานศาลยุติธรรม
• เปลี่ยนประธานพิจารณาคดี: ต้องเป็นตุลาการพระธรรมนูญผู้มีอาวุโสสูงสุด (เชี่ยวชาญกฎหมาย) ไม่ใช่นายพลที่แต่งตั้งมาที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้าน นิติศาสตร์โดยตรง
คุ้มครองสิทธิ:
• สิทธิผู้เสียหาย: กำหนดให้ผู้เสียหาย ที่มิได้เป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาเองได้ทั้งในเวลาปกติและไม่ปกติ
• สิทธิอุทธรณ์ฎีกา: กำหนดให้ห้ามอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลทหารในเวลาไม่ปกติ เฉพาะในเวลาที่มีการรบ หรือสถานะสงคราม และศาลอาญาศึกเท่านั้น
• การพิจารณาเปิดเผย: แก้ไขให้การพิจารณา และการสืบพยานในศาลทหาร จะต้องดำเนินการอย่างเปิดเผยต่อหน้าจำเลย ให้สอดคล้องกับการพิจารณา และการสืบพยานในศาลยุติธรรม
2. ปรับปรุง พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559
• กำหนดให้คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภายในกองทัพ ที่แต่เดิมอยู่ในอำนาจของศาลทหาร ให้มาอยู่ในอำนาจของศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ
• และให้โอนบรรดาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ที่ศาลทหาร หากล่วงเลยจากระยะเวลาที่กำหนด ให้โอนไปพิจารณาคดีที่ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบแทน
ระยะกลาง: แก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช.
3. ปรับปรุง พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
• ยกเลิกมาตรา 96: ที่ให้อำนาจ อัยการทหาร เป็นผู้ฟ้องคดีทุจริตแทนอัยการสูงสุด เพื่อให้ขั้นตอนการฟ้องร้องทหารทุจริตเป็นมาตรฐานเดียวกับข้าราชการอื่นทั่วประเทศ