การปฏิรูปธุรกิจกองทัพมีความจำเป็นเร่งด่วนจากปัญหาหลัก 5 ประการ:
1. ขาดความโปร่งใสและการตรวจสอบ: ธุรกิจจำนวนมากดำเนินงานภายใต้ "กิจการสวัสดิการ" และเงินนอกงบประมาณประเภทที่ 2 ซึ่งมีรายได้อย่างน้อย 5,000 ล้านบาทต่อปี (จากการสืบค้นเบื้องต้น) เงินเหล่านี้เป็น "พื้นที่บัญชีพิเศษ" ที่กองทัพบริหารจัดการและตรวจสอบเอง ทำให้ไม่อยู่ในระบบงบประมาณแผ่นดินและไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
2. อยู่นอกเหนือภารกิจหลัก: ภารกิจทหารคือการป้องกันประเทศไม่ใช่การทำธุรกิจ การใช้กำลังพลไปบริหารสนามกอล์ฟหรือโรงแรมถือเป็นการใช้ทรัพยากรรัฐผิดวัตถุประสงค์และสิ้นเปลือง
3. การใช้ทรัพยากรรัฐไม่คุ้มค่า: กองทัพครอบครองที่ราชพัสดุมูลค่าสูงในพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ (กว่า 880 ไร่) ซึ่งไม่เกิดประโยชน์สาธารณะ นอกจากนี้บางกิจการ เช่น ไฟฟ้าสัตหีบ ก่อปัญหาไฟตกดับสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินประชาชน และชาวบ้านต้องจ่ายค่าไฟสูงกว่าปกติเพราะติดมิเตอร์ถาวรไม่ได้
4. ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานพลเรือน: หลายกิจการซ้ำซ้อนกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เช่น โรงงานเภสัชกรรมทหารซ้ำซ้อนกับองค์การเภสัชกรรม เมื่อขาดความเชี่ยวชาญจึงต้องใช้งบประมาณแผ่นดินไปอุดหนุนกิจการที่ขาดทุน
5. สวัสดิการกำลังพลไม่เป็นธรรม: ปัจจุบันสวัสดิการขึ้นอยู่กับผลประกอบการของธุรกิจทั้งในระดับเหล่าทัพและระดับหน่วยขึ้นตรงนั้นๆ ทำให้กำลังพลได้รับสวัสดิการไม่เท่าเทียมกัน สวัสดิการจึงกลายเป็น "โชคของหน่วย" แทนที่จะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐรับประกัน
เรามีเป้าหมายหลัก 4 ประการในการปฏิรูปเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด:
1. สร้างมาตรฐานตรวจสอบสากล: นำการบริหารธุรกิจทั้งหมดเข้าสู่กรอบธรรมาภิบาลเดียวกับหน่วยงานรัฐอื่น เปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะและรายงานต่อรัฐสภาตามมาตรฐานบัญชีสากล
2. ถ่ายโอนธุรกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลัก: โอนกิจการเชิงพาณิชย์ให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น โอนโรงงานยาให้องค์การเภสัชกรรม คืนสัมปทานบ่อน้ำมันฝางให้รัฐเพื่อเปิดประมูล และโอนโรงแรมคืนกรมธนารักษ์เพื่อเปิดสัมปทานให้เอกชนบริหาร
3. ใช้สาธารณสมบัติเพื่อประโยชน์สูงสุด:
• ปรับปรุงพื้นที่สนามกอล์ฟกานตรัตน์ (กลางรันเวย์ดอนเมือง) เป็นทางขับคู่ขนาน เพื่อความปลอดภัยและดำรงขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน
• ทบทวนบทบาทสถานีโทรทัศน์ ททบ.5 ในฐานะทีวีดิจิทัลเพื่อความมั่นคงที่ขาดทุนต่อเนื่องและไม่เปิดเผยงบการเงินมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500
4. สร้างสวัสดิการกำลังพลที่มั่นคง: เปลี่ยนจาก "รายได้ธุรกิจ" เป็น "สิทธิที่ได้รับจากรัฐโดยตรง" ที่เท่าเทียมกันทั้งกองทัพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่มั่นคงของกำลังพลทุกระดับ
1. ระยะเร่งด่วน (มาตรการฝ่ายบริหาร)
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แก้ไข "ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเงิน พ.ศ. 2554" เพื่อ ยกเลิกเงินนอกงบประมาณประเภทที่ 2
• ออกมติคณะรัฐมนตรียกเลิกการจัดสรรรายได้โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EECa) ให้กองทัพเรือ โดยให้นำรายได้ทั้งหมดเข้าคลังแผ่นดิน
• เร่งรัดให้ทุกเหล่าทัพดำเนินกิจการสวัสดิการตามกฎหมาย ทั้งการทำสัญญากับกรมธนารักษ์ และการทำงบการเงินตามมาตรฐานสากล
2. กลไกการกำกับดูแล (ระดับนิติบัญญัติ)
• ยกระดับ "ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการฯ พ.ศ. 2547" ให้เป็น พระราชบัญญัติ เพื่อให้อยู่ภายใต้อำนาจตรวจสอบของรัฐสภาและมีบทลงโทษ
• แก้ไขพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 บังคับรายงานเงินนอกงบประมาณทุกประเภทของกองทัพต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และรัฐสภา
3. การถ่ายโอนและจัดการทรัพย์สิน (ระดับปฏิบัติการ)
ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตามเป้าหมายดังนี้:
• โอนถ่าย (Transfer):
กิจการไฟฟ้าสัตหีบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
องค์การเภสัชกรรมทหารให้องค์การเภสัชกรรม
ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ(บ่อน้ำมันฝาง)คืนสิทธิสัมปทานรัฐเพื่อเปิดประมูล
ปั๊มน้ำมันนอกค่ายและโรงแรมสวัสดิการบางแห่ง (สวนสนประดิพัทธ์, โรงแรมสิรินพลา) ให้กรมธนารักษ์เปิดประมูลสัมปทานเอกชน
• ยุบเลิก (Terminate):
สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี พัฒนาเป็นสวนสาธารณะ
สนามกอล์ฟกานตรัตน์คืนพื้นที่ให้การท่าอากาศยานดอนเมืองสร้างทางขับคู่ขนาน
ยกเลิก ททบ.5 และคืนโครงข่ายให้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
• ปรับปรุง (Improve):
บังคับกองทุนสวัสดิการทำบัญชีมาตรฐานสากลและให้หน่วยงานภายนอกตรวจสอบ
รายงานผลการดำเนินงานประจำปีต่อสภาผู้แทนราษฎร
ทบทวนการถือครองคลื่นวิทยุให้เหลือเฉพาะที่จำเป็นต่อภารกิจหลัก
4. การรับถ่ายโอนทรัพย์สินและประมูลสัมปทาน
กรมธนารักษ์ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การเภสัชกรรม หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย ดำเนินการรับถ่ายโอนกิจการ และกำหนดเงื่อนไข ในกรณีที่อาจมีการประมูลสัมปทานสำหรับที่ดินมูลค่าสูงและกิจการที่ต้องถ่ายโอน
5. การจัดการคลื่นความถี่กองทัพ
สำนักงาน กสทช. ต้องวางแผนนำคลื่นความถี่ของ ททบ.5 และวิทยุทหารกลับมาจัดสรรใหม่ทันทีที่ใบอนุญาตหมดอายุ และกองทัพบกต้องเร่งรัดดำเนินการทางกฎหมายเพื่อ บังคับการชำระหนี้สงสัยจะสูญกว่า 1,000 ล้านบาท ระหว่าง ททบ.5 กับ บริษัท RTA Enterprise