ปฏิรูปเรือนจำให้โปร่งใส

สร้างกลไกตรวจสอบเรือนจำที่โปร่งใส เป็นอิสระ เพื่อดูแลทั้งสิทธิของผู้ต้องขังและสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อย่างเท่าเทียม

ปฏิรูปเรือนจำให้โปร่งใส

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

การดำเนินงานด้านราชทัณฑ์ในปัจจุบันขาดการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนอื่นในสังคม ส่งผลให้นโยบายขาดความโปร่งใสและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการคืนคนสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาที่รุนแรงที่สุด คือเรือนจำเป็นสถานที่คุมขังที่มีความเสี่ยงสูงเรื่องการกระทำทรมาน และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

1. ขาดการตรวจสอบที่เป็นอิสระ: เรือนจำไม่ได้รับการตรวจสอบจากองค์กรภายนอกอย่างสม่ำเสมอ และในการเข้าตรวจมักต้องมีการแจ้งล่วงหน้า ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการ "ผักชีโรยหน้า" หรือการเตรียมการให้เรือนจำอยู่ในสภาพที่ดีเพียงชั่วคราว ก่อนมีการเข้าตรวจเยี่ยมตามวันเวลาที่กำหนด

2. กลไกร้องเรียนภายในไม่มีประสิทธิภาพ: กลไกการร้องเรียนของเรือนจำ มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ร้องเรียน ขาดความเป็นอิสระ และไม่สามารถติดตามสถานะของเรื่องร้องเรียนได้ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาระบบราชทัณฑ์เพื่อดูแลสิทธิของผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ได้อย่างตรงจุด

เราจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนเล็งเห็นว่า "การตรวจเยี่ยมโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า" (Unannounced Visit) เป็นกลไกสำคัญในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน การทรมาน หรือการกระทำที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อให้ผู้ตรวจเยี่ยมเห็นถึงสภาพเรือนจำและคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้โดยแท้จริง อันจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตได้รับการดูแลตามมาตรฐานสากลและหลักสิทธิมนุษยชน

เราจึงเสนอให้มีการตรวจเยี่ยมเรือนจำโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ผ่าน 2 กลไกหลักที่อ้างอิงหลักการสากล:

1. ลงนามเป็นภาคี OPCAT: ลงนามเป็นภาคี พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานฯ (Optional Protocol to the Convention against Torture : OPCAT)

2. จัดตั้งกลไกป้องกันการทรมานระดับชาติ (National Preventive Mechanism : NPM)

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

  1. กลไกระหว่างประเทศ: การเป็นภาคี OPCAT 
    • การลงนามเป็นภาคี OPCAT จะเป็นกลไกตามกฎหมายระหว่างประเทศที่เปิดทางให้ คณะกรรมการว่าด้วยการป้องกันการทรมาน (SPT) สามารถเข้าตรวจเยี่ยมสถานที่คุมขังทุกประเภทในประเทศไทยได้
    • คณะกรรมการ SPT จะจัดทำ ข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อให้ประเทศไทยนำไปยกระดับมาตรฐานสถานที่คุมขังให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานสากล
    • การดำเนินการนี้ยังแสดง เจตจำนงทางการเมือง ที่จะป้องกันการกระทำทรมาน และช่วยยกระดับภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลกด้านสิทธิมนุษยชน
  2. กลไกภายในประเทศ: จัดตั้งกลไกป้องกันการทรมานระดับชาติ (National Preventive Mechanism : NPM) 
    • • NPM จะเป็น องค์กรอิสระ ตามกลไกภายในประเทศ ถูกกำหนดให้จัดตั้งขึ้นภายใน 1 ปีหลังการเข้าเป็นภาคี OPCAT ทั้งนี้สามารถจัดตั้งขึ้นก่อนการเข้าเป็นภาคี OPCAT ได้เช่นกัน
    • • องค์กรนี้จะทำหน้าที่
      • • สามารถเข้าตรวจเยี่ยมสถานที่คุมขังได้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า หรือแจ้งเป็นช่วงเวลากว้าง ๆ (semi-announced)
      • • มีอำนาจในการ เข้าถึงข้อมูล เอกสาร รวมถึง การสัมภาษณ์บุคคล (ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่) หรือแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
      • • นำข้อมูลที่ได้มาใช้เป็น ข้อเสนอในการปรับปรุง สถานที่คุมขังและระบบราชทัณฑ์อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ