วางแผนกำลังคน ผลิตหมอให้พอต่อคนไทย

วางแผนกำลังคน ผลิตหมอให้พอต่อคนไทย

ทำไมต้องปฏิรูปบุคลากรทางการแพทย์? (WHY)

  1. อัตราแพทย์ต่อประชากรต่ำและกระจุกตัว:

    • ประเทศไทยมีจำนวนแพทย์โดยเฉลี่ยเพื่อดูแลประชากรทุก ๆ 1,000 คน เพียง 0.8 คน (สถานการณ์ยิ่งหนักสำหรับแพทย์ภาครัฐที่มีสัดส่วนเพียง 0.5 คน) ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียที่ 2.3 คน และยุโรปที่ 3.7 คน 

    • แพทย์เฉพาะทางกว่า 40% อยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ทั่วประเทศ มีแพทย์ปฏิบัติงานเพียง 8,825 คน จาก รพช. 770 แห่ง

  2. ขาดแคลนแพทย์สาขายุทธศาสตร์: แม้จะผลิตแพทย์เพิ่มขึ้นได้ปีละ 3,000 คนต่อปี แต่สาขาที่ขาดแคลนหนักสุด เช่น เวชศาสตร์ครอบครัว จิตเวช เวชศาสตร์ฉุกเฉิน กลับผลิตได้น้อยมาก

  3. ภาระงานหนักและผลตอบแทนไม่สมดุล:

    • แพทย์ต้องแบกรับภาระงานหนัก ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลเฉลี่ยประมาณ 64 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเพิ่มเติมด้วยเวร On Call อีกประมาณ 24 ชั่วโมง

    • ภาระงานหนัก แต่ผลตอบแทน สวัสดิการ ความก้าวหน้าทางอาชีพ ไม่ตอบโจทย์ แพทย์จำนวนมากจึงตัดสินใจออกจากระบบ ในช่วง 10 ปี (2556–2565) มีแพทย์ลาออกและเกษียณรวม 6,550 คน หรือหายไปถึง 20% ของแพทย์ที่ผลิตได้

พรรคประชาชนจะทำอะไร? (WHAT)

พรรคประชาชนจะสร้างความมั่นคงด้านกำลังคนสุขภาพ ผ่านการปรับโครงสร้างค่าตอบแทน และการลดภาระงาน:

  1. สร้างกลไกการกำกับนโยบายกำลังคนด้านสาธารณสุข วางยุทธศาสตร์ใหม่และแผนการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่เหมาะสม

  2. ปรับโครงสร้างค่าตอบแทนให้ สอดคล้องกับภาระงาน ค่าครองชีพ ความเสี่ยง และความก้าวหน้าทางอาชีพ

  3. ลดภาระงานที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด

  4. เพิ่มอัตรากำลังคนด้านสุขภาพให้เพียงพอ

ทำอย่างไรให้สำเร็จ? (HOW)

  1. ยกร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง สำนักงานกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ 

    • ให้เป็นหน่วยงานถาวร ทำหน้าที่กำหนดสัดส่วนกำลังคนสุขภาพที่เหมาะสม แผนงบประมาณ แผนการผลิต ผลตอบแทน และเกณฑ์ประเมิน ตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงเกษียณ

  2. สร้างฐานข้อมูลบุคลากรทางการแพทย์ (Central Healthcare Workforce Database) เพื่อใช้ในการวางแผนและกำกับดูแลบุคลากร

  3. สนับสนุนกฎหมายจำกัดชั่วโมงทำงานของบุคลากรสุขภาพ ไม่เกิน 60 ชม./สัปดาห์ 

    • หลังทำงานกะดึกหรือทำงานติดต่อกัน 24 ชม. ต้องได้หยุดงานอย่างน้อย 8 ชม. เพื่อให้มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ 

    • ทุกสัปดาห์ต้องมีวันหยุดเต็มวัน เว้นแต่กรณีฉุกเฉินเร่งด่วน

  4. ปรับโครงสร้างค่าตอบแทนและสวัสดิการ:

    • เพิ่มสัดส่วนค่าตอบแทนแบบ Pay for Performance และให้เสียภาษีตามมาตรา 40(6) เช่นเดียวกับภาคเอกชน

    • ใช้ งบพิเศษ เช่น พ.ต.ส. หรือ ฉ.11 เพื่อกระตุ้นและรักษาบุคลากรในพื้นที่ขาดแคลน และปรับเบี้ยกันดารตามอัตราเงินเฟ้อ

    • เพิ่มทุนการศึกษาและ/หรือเส้นทางการศึกษาต่อเฉพาะทาง สำหรับนักเรียนและแพทย์ที่ทำงานหรือจะมาทำงานในพื้นที่ที่มีความขาดแคลนบุคลากรพิเศษ โดยอาจใช้งบประมาณร่วมกันระหว่างรัฐบาลและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และ/หรือโรงเรียนแพทย์ในภูมิภาค

    • เพิ่มอัตราบรรจุข้าราชการ ลดสถานะลูกจ้างชั่วคราว และดึงแพทย์เกษียณที่ยังต้องการทำงานกลับมาในพื้นที่ท้องถิ่นและหน่วยบริการปฐมภูมิ

  5. ลดภาระงานเอกสารและระเบียบธุรการที่ไม่จำเป็น ปรับปรุง/ลดตัวชี้วัด (KPI) ให้เหมาะสมกับภารกิจหลัก โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย

  6. สร้างแนวหน้าสุขภาพและสนับสนุนการผลิตเฉพาะทาง:

    • สร้าง ทีมแนวหน้าสุขภาพ (Health Frontline) 100,000 ตำแหน่ง เพื่อกระจายภาระงานไปยังชุมชน

    • สนับสนุนงบประมาณการเรียนต่อเฉพาะทางในสาขาที่ขาดแคลนและเป็นสาขายุทธศาสตร์ (เช่น เวชศาสตร์ครอบครัว, จิตแพทย์) รวมทั้งเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลตติยภูมิให้สามารถผลิตแพทย์ได้