กลไกทางการเงินเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance)

กลไกทางการเงินเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance)
ClimateChange
ClimateFinance
การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
GreenFinance
ภาษีคาร์บอน
GreenBonds
NetZero

เหตุผลในการสร้างกลไกทางการเงิน (WHY)

1. กรอบปฏิญญาเซนไดยังไม่บรรลุเป้าหมาย: แม้ไทยเป็นภาคีของกรอบปฏิญญาเซนไดที่มีเป้าหมาย "ลด 4 เพิ่ม 3" (ลดการเสียชีวิต, ลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ, ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ, ลดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน และ เพิ่มแผนยุทธศาสตร์, เพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ, เพิ่มการเข้าถึงข้อมูลการเตือนภัยและความเสี่ยง)  แต่ดัชนีเชิงประจักษ์ชี้ว่าอัตราการเสียชีวิตและความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานจากภัยพิบัติยังคงเพิ่มสูงขึ้น

2. ขาดแคลนเงินทุนระดับโลก: การจัดสรรเงินทุนระดับโลก เช่น จากกองทุนเพื่อการปรับตัว (Adaptation Fund) ยังระดมทุนได้ไม่ถึงเป้าหมายที่ตกลงไว้ในการประชุม COP (เช่น 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี) ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้นในการระดมทุน

3. มีความจำเป็นในการระดมทุนภายในประเทศ: ไทยจึงจำเป็นต้องสร้างกลไกทางการเงินภายในที่เข้มแข็งเพื่อรองรับมาตรการรับมือและการปรับตัว รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤตโลกผันผวนที่มาถึงเราแล้ว

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนจะดำเนินการใน 3 มิติหลัก เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการเงินและขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสีเขียว

1. การทูตสิ่งแวดล้อม (Climate Diplomacy)

• ใช้บทบาททางการทูตของไทยในการ สร้างแรงกดดัน ให้ประเทศพัฒนาแล้วลงทุนและถ่ายทอดเทคโนโลยีพลังงานสะอาดให้ประเทศกำลังพัฒนา
• สร้างความร่วมมือกับรัฐสภาทั่วโลกเพื่อ เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน โดยใช้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบของภูมิภาค

2. การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance)

2.1 กลไกภายในประเทศ

• นโยบายภาษีและการเงินการคลัง:

• จูงใจลดคาร์บอนผ่านภาษี: ปรับโครงสร้างภาษีให้สะท้อนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ลดภาษีนำเข้าเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับการลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก (GHG)
• อุดหนุนพลังงานสะอาด: อุดหนุนการจัดหาพลังงานสะอาดโดยการ เพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) จากพลังงานทดแทน พร้อมกับ ยุติการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล

• จัดลำดับการใช้งบประมาณภาครัฐ:

• โครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น: เน้นการลงทุนตามแนวคิด 'เมืองฟองน้ำ' (Sponge City) เพื่อลดผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติ และป้องกันที่อยู่อาศัย/โรงงานอุตสาหกรรม/เขตชายฝั่งทะเล
• ระบบเฝ้าระวังและเตือนภัย: ลงทุนในระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยการแพร่ระบาดของโรค และเทคโนโลยีแจ้งเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า
• วิจัย พัฒนา เทคโนโลยี: มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ยั่งยืน การบริหารจัดการขยะ และพลังงานสะอาด
• เพิ่มพื้นที่สีเขียว: ให้งบประมาณเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู พื้นที่ป่า/พื้นที่ชุ่มน้ำ และพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมือง

• แหล่งเงินทุนนอกงบประมาณ:

• จัดตั้งกองทุน: จัดตั้ง กองทุนการเปลี่ยนผ่านสีเขียว ปรับตัวและรับมือภัยพิบัติ เพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อนโดยตรง โดยดำเนินการตามหลัก ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย
• ออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bonds / Sustainability Bonds): เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการขนาดใหญ่ เช่น ระบบขนส่งสาธารณะสีเขียว และโครงสร้างพื้นฐานบรรเทาภัยพิบัติ

2.2 กลไกทางการเงินจากต่างประเทศ

• เข้าถึงกองทุนระดับโลก: เพิ่มขีดความสามารถของไทยในการเข้าถึงกองทุนระดับโลก (เช่น GCF, GEF, AF) โดย พัฒนาเอกสารโครงการและข้อมูลเชิงประจักษ์ให้ได้มาตรฐานสากล
• เพิ่มบทบาทชุมชน: ยกระดับบทบาทของชุมชนให้ มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบโครงการ
• ใช้ความร่วมมือทวิภาคี: ใช้ความร่วมมือทวิภาคี (เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) เพื่อ เร่งนำเทคโนโลยีสะอาดและระบบเมืองยั่งยืน เข้ามาใช้ในประเทศ

3. แผนการลงทุน (Investment Plan)

• เชื่อมโยงแผนนโยบาย: ทบทวนแผนนโยบายพลังงานและสภาพภูมิอากาศของประเทศให้เชื่อมโยงเป็นแผนเดียว ไม่ขัดแย้งกัน

• คณะทำงานเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม: จัดตั้งคณะทำงาน (Taskforce) ด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม (Just Energy Transition) เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการยุติอุตสาหกรรมฟอสซิล และจัดทำ reskilling และ upskilling

• หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย: ผู้ประกอบการที่ปล่อยคาร์บอนเกินกำหนด ต้อง ร่วมสมทบเงินเข้ากองทุนการเปลี่ยนผ่านสีเขียวฯ

• เครื่องมือการเงินสีเขียว: ใช้เครื่องมือการเงินสีเขียว เช่น Green Taxonomy, Green Bonds, Green Loans และระบบประกันภัยดัชนีภูมิอากาศ เพื่อดึงภาคเอกชนร่วมลงทุน

• มีความโปร่งใส: พัฒนาระบบการเงินของประเทศให้ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมิตรต่อการลงทุนสีเขียว

แนวทางการนำไปปฏิบัติ (HOW)

1. เสริมสร้างศักยภาพกลุ่มผู้ประกอบการ

• จัดตั้ง ศูนย์ให้บริการครบวงจร (One Stop Service) ภายใต้ คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (กนภ.) เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการในข้อกำหนดสากลต่างๆ เช่น Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM), EU Taxonomy: Green Classification, EU Deforestation Regulation (EUDR), Directive on Corporate Sustainability Reporting (CSRD)

2. เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Literacy)

• สร้างความรู้ความเข้าใจด้านสภาพภูมิอากาศให้แก่ประชาชน และ บรรจุในหลักสูตรการศึกษา สำหรับเด็กและเยาวชน

3. ออกกฎหมาย

• ผลักดันร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ... ซึ่งได้ระบุกลไกทางการเงินเพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในประเทศ

4. ออกมาตรการต่างๆ

• นโยบายภาษีสำหรับ Green Transition (Tax Policy): ยกเว้นภาษีเงินได้ที่ได้จากโครงการลด GHG ภาคสมัครใจมาตรฐานขั้นสูง (Premium T-VER) และ เก็บภาษีคาร์บอน (Carbon tax) โดยเริ่มจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต

• มาตรการทางการเงิน (Monetary Policy): ใช้ กลไกราคาคาร์บอน (Carbon pricing instrument) เช่น การกำหนดสิทธิการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมหนัก