ปฏิวัติระบบน้ำเสีย

 ปฏิวัติระบบน้ำเสีย
สิ่งแวดล้อม
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
น้ำเสีย
สิ่งปฏิกูล
Load-based Permitting
PolluterPays
Co-treatment
GreenJobs

ปัญหาเชิงโครงสร้างและตัวเลขวิกฤต (WHY)

  • น้ำเสียที่ไม่เข้าระบบบำบัด: ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณน้ำเสียชุมชนมากกว่า 5,300 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี แต่มีน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดเพียง 11% (582 ล้าน ลบ.ม.) ส่วนน้ำเสียอีก 89% ยังคงถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำโดยตรง

  • ความล่าช้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ยุทธศาสตร์ชาติมีเป้าหมายก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย 780 แห่งภายในปี 2580 แต่ในช่วง 2564–2567 กลับอนุมัติระบบใหม่เพียง 4 แห่งเท่านั้น หากยังดำเนินการด้วยอัตรานี้ จะต้องใช้เวลากว่า 60 ปี จึงจะบรรลุเป้าหมาย

  • ปัญหาประสิทธิภาพของระบบเดิม:

    • ระบบบำบัดที่สร้างไว้แล้วจำนวนมากไม่สามารถเดินระบบได้เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจาก ขาดงบประมาณสำหรับเดินระบบและบำรุงรักษา (O&M)

    • กว่า 7,000 อปท. ยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม

    • โครงสร้างท่อแบบท่อรวม (Combined Sewer), การบังคับใช้กฎหมายที่ขาดประสิทธิภาพ, การขาดบุคลากรเชี่ยวชาญ และการไม่มีฐานข้อมูลระดับประเทศ เป็นปัจจัยที่ทำให้ปัญหาซับซ้อน

  • วิกฤตสิ่งปฏิกูล: ประเทศไทยเผชิญปัญหาการจัดการสิ่งปฏิกูลในระดับวิกฤต โดยมีเพียง 16% ของสิ่งปฏิกูลที่ถูกขนส่งไปกำจัดอย่างถูกต้อง ส่วนที่เหลือ 84% ถูกลักลอบทิ้ง ลงแหล่งน้ำหรือดินโดยตรง 

 

กล่าวโดยสรุป ปัญหาการจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขอย่างบูรณาการเพื่อความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนเสนอแผนยกระดับระบบจัดการน้ำเสียชุมชนและสิ่งปฏิกูลของประเทศภายใน 8 ปี โดยรวมอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลให้เป็น ภารกิจที่ อปท. ต้องดำเนินการ เช่นเดียวกับระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ

1. การบำบัดน้ำเสีย

  • 1.1 ปรับปรุงกฎหมายและระบบกำกับดูแล

    • เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้: แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 โดยให้ กรมทรัพยากรน้ำเป็นเจ้าภาพกลาง

    • นำกลไกการควบคุมการอนุญาตประกอบกิจการโดยใช้หลักการ ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principles) และ ความสามารถในการรับภาระของแหล่งน้ำ (Load-based Permitting) มาใช้พิจารณารายลุ่มน้ำ 

    • กำกับดูแลเชิงรุก: สนับสนุนการกำกับดูแลเชิงรุกบนฐานข้อมูลจากระบบตรวจวัดออนไลน์

  • 1.2 ลงทุนระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียอย่างมีเป้าหมาย

    • เป้าหมายเร่งด่วน: ลงทุนก่อสร้าง–ฟื้นฟูระบบบำบัดในพื้นที่วิกฤต พื้นที่เศรษฐกิจ พื้นที่ริมแม่น้ำ และพื้นที่ที่ระบบเดิมหยุดเดิน

    • เพิ่มสัดส่วนการบำบัด: ปรับเพิ่มสัดส่วนน้ำเสียที่เข้าระบบบำบัดจาก 11% เป็น 60% ให้แล้วเสร็จภายใน 8 ปี (เร็วกว่าแผนยุทธศาสตร์ 10 ปี)

  • 1.3 สร้างกลไกเศรษฐศาสตร์ที่ยั่งยืนและเป็นธรรม:

    • พัฒนาระบบค่าธรรมเนียมที่สะท้อนต้นทุนจริงตามหลัก “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย”

    • ใช้กลไก อุดหนุนข้ามกลุ่ม (Cross-subsidy) โดยกำหนดให้ภาคพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมชำระค่าบริการในอัตราที่สูงกว่า เพื่อช่วยลดภาระของภาคครัวเรือน

    • สร้างงานสีเขียว (Green Jobs) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านน้ำเสียและลดการพึ่งพางบอุดหนุนจากรัฐ

  • 1.4 พัฒนาฐานข้อมูลน้ำเสียแห่งชาติ: จัดทำฐานข้อมูลน้ำเสียแห่งชาติแบบ Real-time ใช้ระบบ Online Monitoring เพื่อบริหารจัดการและมีศูนย์สนับสนุนด้านเทคนิคระดับภูมิภาคเพื่อช่วยเหลือ อปท.

  • สร้างองค์ความรู้และยกระดับการมีส่วนร่วม: สร้างหลักสูตรและชุดความรู้สำหรับทุกภาคส่วน และจัดกระบวนการมีส่วนร่วมในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ

2. สิ่งปฏิกูล

  • 2.1 พัฒนาระบบกำจัดแบบกลุ่มพื้นที่ (Cluster): จัดตั้งกลุ่มพื้นที่กำจัดสิ่งปฏิกูลโดยใช้อำเภอเป็นขอบเขต ซึ่งมีศักยภาพจัดตั้งได้ถึง 878 แห่ง (1 อำเภอ 1 ระบบบำบัดสิ่งปฏิกูล) เพื่อประหยัดงบประมาณและควบคุมการขนส่งร่วมกัน

  • 2.2 ใช้ระบบบำบัดน้ำเสียรวมเดิมรองรับ (Co-treatment): ติดตั้งระบบบำบัดสิ่งปฏิกูลเพิ่มในระบบบำบัดน้ำเสียรวมเดิม (Co-treatment) เพื่อนำน้ำเสียที่ได้จากการบำบัดสิ่งปฏิกูลไปบำบัดร่วมกับระบบที่มีศักยภาพ เพื่อลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน 

  • 2.3 ปรับปรุงมาตรฐานและระบบกำกับดูแล: กำหนดมาตรฐานถังเก็บกัก การออกใบอนุญาตรถสูบ การกำกับการขนส่งสิ่งปฏิกูล และระบบรายงานข้อมูลการกำจัด เพื่อป้องกันการทิ้งผิดวิธีและลดความเสี่ยงด้านสาธารณสุข

 

แนวทางการนำไปปฏิบัติ (HOW): แผนลงทุน 8 ปี เพื่อการจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล

พรรคประชาชนจะเร่งรัดการลงทุนเพื่อปฏิรูประบบจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลของประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 8 ปี โดยมีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 67,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

1. แผนเร่งรัดการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย (มูลค่า 60,000 ล้านบาท ภายใน 8 ปี)

เราจะใช้หลักการคัดเลือกลำดับพื้นที่เป้าหมายอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อให้การลงทุนเกิดผลสูงสุดต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยแผนนี้ประกอบด้วย

  • พื้นที่เป้าหมาย: ระบบบำบัดน้ำเสียรวมจำนวน 780 โครงการ ครอบคลุม 464 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

  • หลักเกณฑ์การคัดเลือก: อิงตามลำดับความสำคัญของพื้นที่ เช่น พื้นที่ติดแหล่งน้ำผิวดิน, พื้นที่ท่องเที่ยว, และพื้นที่ที่ลุ่มน้ำเสื่อมโทรม

  • กรอบลงทุน: พรรคประชาชนจะเร่งรัดการจัดสรรงบประมาณและลดระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 8 ปี ทำให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 60,000 ล้านบาท

2. แผนเร่งรัดการก่อสร้างระบบบำบัดสิ่งปฏิกูล (มูลค่า 7,000 ล้านบาท ภายใน 8 ปี)

เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสิ่งปฏิกูล เราจะใช้หลักการ 1 อำเภอ 1 ระบบบำบัดสิ่งปฏิกูล เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

  • พื้นที่เป้าหมาย: ลงทุนก่อสร้างระบบบำบัดสิ่งปฏิกูลจำนวน 878 โครงการในทุกอำเภอ

  • รูปแบบการจัดการ: รถจัดเก็บสิ่งปฏิกูลจะจัดเก็บตามตำบลต่าง ๆ เพื่อนำมากำจัดรวมที่ระบบบำบัดสิ่งปฏิกูลของอำเภอ

  • กรอบการลงทุน: แผนนี้จะเร่งรัดการจัดสรรงบประมาณและลดระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 8 ปี ทำให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 7,000 ล้านบาท

3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

การลงทุนรวมกว่า 67,000 ล้านบาท นี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายมิติ:

  • กระตุ้นเศรษฐกิจ: กระตุ้นภาคก่อสร้างและอุตสาหกรรมต้นน้ำ–ปลายน้ำ ผ่านการจัดซื้อวัสดุ ระบบท่อ เครื่องจักร เทคโนโลยี และงานโยธาขนาดใหญ่

  • สร้างการจ้างงาน: สร้างการจ้างงานในกว่า 400 ชุมชน ครอบคลุมสายงานวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม ช่างเทคนิค และแรงงานก่อสร้าง

  • ส่งเสริม Green Jobs: เอื้อต่อการเติบโตของ งานสีเขียว (Green Jobs) จากการเดินระบบและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียตลอดอายุโครงการ

เมื่อดำเนินการตามแผน 8 ปีนี้ ประเทศไทยจะสามารถ เพิ่มสัดส่วนการบำบัดน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมปริมาณมลพิษที่ลงสู่แหล่งน้ำได้อย่างเหมาะสม และสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน กลไกทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้ระบบการจัดการน้ำเสียระดับท้องถิ่นมีความยั่งยืน สร้างเศรษฐกิจสีเขียว และลดการพึ่งพางบอุดหนุนจากรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำมีคุณภาพดีขึ้นและเสถียรภาพในระยะยาว