การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และดูแลรักษา พื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetlands) มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะพื้นที่เหล่านี้ทำหน้าที่เป็น "โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว" ที่รักษาสมดุลของระบบนิเวศในหลายมิติ:
1. ระบบจัดการน้ำตามธรรมชาติ
พื้นที่ชุ่มน้ำเปรียบเสมือน "ไตของโลก" ที่ช่วยกรองของเสียและเป็นฟองน้ำขนาดยักษ์:
2. แหล่งกักเก็บคาร์บอนมหาศาล (Blue Carbon)
พื้นที่ชุ่มน้ำ โดยเฉพาะป่าชายเลนและป่าพรุ เป็นแหล่งกักเก็บ คาร์บอนสีน้ำเงิน (Blue Carbon) ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าป่าบกทั่วไปถึง 50 เท่า การสูญเสียพื้นที่เหล่านี้จะทำให้ก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาลถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศและเร่งให้เกิดสภาวะโลกร้อนอย่างรวดเร็ว
3. แหล่งความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางอาหาร
4. กำแพงกันชนทางธรรมชาติ (Natural Barrier)
พื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งช่วยลดความรุนแรงของคลื่นลมและ คลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) รวมถึงป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งได้ยั่งยืนกว่ากำแพงคอนกรีต
ปัจจุบันพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจากสาเหตุหลัก ได้แก่:
หากเราสูญเสียพื้นที่ชุ่มน้ำ เราจะต้องแลกมาด้วยต้นทุนในการสร้างโครงสร้างทางวิศวกรรม (เขื่อน/กำแพงกั้นน้ำ) มหาศาล พรรคประชาชนจึงถือว่าการฟื้นฟูพื้นที่เหล่านี้คือ "การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด" เพื่อความยั่งยืนของทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
เพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่อพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น พรรคประชาชนเสนอแนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูโดยแบ่งตามระยะเวลาดำเนินการ ดังนี้
ระยะสั้น: ปฏิบัติการเร่งด่วนร่วมกับท้องถิ่น (ทำทันที)
สนับสนุน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำผ่าน ภารกิจ: 4 ขั้นเปลี่ยนสายน้ำ “สะอาด-สะสาง-สร้างมูลค่า-ฟื้นฟู“
ระยะกลาง: พัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อการจัดการ (2-3 ปี)
จัดตั้ง ศูนย์บริหารจัดการข้อมูลน้ำประจำจังหวัด เพื่อบูรณาการข้อมูลร่วมกับทุกหน่วยงานและภาคประชาชน:
ระยะยาว: สร้างความยั่งยืนเชิงโครงสร้างธรรมชาติ (ภายใน 4 ปี)
1. ฟื้นฟูพื้นที่แผ่น้ำและรับน้ำ
ประยุกต์ใช้ การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-based Solutions - NbS) เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนและพื้นที่ชุ่มน้ำให้สามารถรองรับน้ำหนุน (High Tide Flooding) และสภาวะฝนตกรุนแรงจัด (Rain Bomb) ได้ในระดับชุมชน
2. กำหนดพื้นที่อนุรักษ์นอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (OECMs)
ส่งเสริมกลไก มาตรการอนุรักษ์อื่นที่มีประสิทธิภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (Other Effective Area-based Conservation Measures - OECMs) ตามข้อตกลงสหประชาชาติ เพื่อให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการและดูแลพื้นที่ชุ่มน้ำที่อยู่นอกเขตอุทยานฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การวางแผนฉากทัศน์สำหรับอนาคต (Scenario Planning)
เพื่อให้การอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำเกิดขึ้นได้จริง พรรคประชาชนได้ออกแบบ กลไกขับเคลื่อนเชิงระบบ ที่ครอบคลุมทั้งอำนาจ งบประมาณ ข้อมูล และการมีส่วนร่วม โดยดำเนินการควบคู่กับ กลไกทางกฎหมาย ดังนี้:
1. ทำให้ท้องถิ่น “ทำได้จริง ทำทันที” (ระยะเร่งด่วน)
2. ขับเคลื่อนนโยบายด้วยข้อมูล (Data Driven) (ระยะกลาง)
3. เปลี่ยนจาก “แก้ปัญหาเฉพาะหน้า” เป็น “แก้เชิงโครงสร้างธรรมชาติ” (ระยะยาว)
4. วางแผนร่วมกันจากล่างขึ้นบน (Bottom-up Approach)
กลไกทางกฎหมายและการกระจายอำนาจ
1. บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มงวด
2. ปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ
3. ผลักดันกฎหมายใหม่