ระบบการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษในปัจจุบันยังไม่สามารถให้บริการได้อย่างครอบคลุมและมีคุณภาพ ทำให้เด็กพิการจำนวนมากยังไม่สามารถเข้าถึง "การศึกษาที่มีคุณภาพใกล้บ้าน" ตามสิทธิที่กฎหมายกำหนดได้จริง เนื่องจากมีข้อจำกัด 3 เรื่องต่อไปนี้
ศูนย์ฯ จำนวนน้อย: ศูนย์การศึกษาพิเศษมีเพียงจังหวัดละ 1 แห่ง ทำให้ครอบครัวในพื้นที่ชนบทและห่างไกลไม่สามารถพาเด็กเข้ามารับบริการแบบไปกลับหรือประจำได้
ตัวอย่างเช่น เด็กที่มีภาวะออทิสติก (ASD) เพียง 15% เท่านั้นที่เข้าถึงบริการจำเป็น
บุคลากรไม่พอ โครงสร้างไม่พร้อม: ปัจจุบันครู 1 คน ต้องดูแลเด็กพิการกว่า 8 คน ซึ่งสูงกว่าอัตราที่เหมาะสมที่ควรอยู่ที่ 1:5 ขณะที่อาคารเรียนปัจจุบันไม่ได้ออกแบบสำหรับการเรียนรู้เฉพาะทาง เช่น ห้องฝึกพูด ห้องบำบัด ทำให้ศูนย์การศึกษาพิเศษต้องหางบประมาณมาปรับปรุงเอง รวมถึงยังขาดแคลนอุปกรณ์และสื่อการเรียนรู้เฉพาะด้าน
งบประมาณไม่สอดคล้องภารกิจจริง: ศูนย์การศึกษาพิเศษได้รับงบอุดหนุนรายหัวเพียง 4 หมวด ไม่ได้ค่าจัดการเรียนการสอนแบบโรงเรียน ทั้งที่เป็นบทบาทสำคัญของศูนย์ฯ และงบอุดหนุนเองไม่สอดคล้องกับภารกิจที่ซับซ้อนของการดูแลเด็กพิการที่มีความหลากหลาย
ขยายเครือข่ายศูนย์การศึกษาพิเศษ: ปรับปรุงศูนย์การศึกษาพิเศษเดิม และลงทุนสร้าง เครือข่ายศูนย์ย่อยตามอำเภอ ที่พร้อมและมีทรัพยากร โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเด็กที่ดูแลได้จาก 9,300 คน เป็น 20,000 คน ภายใน 4 ปี
เพิ่มเงินรายหัว: เพิ่มงบอุดหนุนรายหัวสำหรับนักเรียนปัจจุบันและสำหรับเป้าหมายในอีก 4 ปี
เพิ่มบุคลากร: เพิ่มการผลิตครูและเพิ่มงบค่าจ้างบุคลากร สำหรับปีแรกและอีก 4 ปีข้างหน้า
สนับสนุนจัดการเรียนรวม: ตั้งงบสนับสนุนให้โรงเรียนในระดับอำเภอที่ต้องการจัดการเรียนร่วมของเด็กพิการในโรงเรียนทั่วไป
ลงทุนขยายศูนย์และเพิ่มงบรายหัว:
จัดสรรงบลงทุนรวมประมาณ 400 ล้านบาท ภายใน 4 ปี เพื่อปรับปรุงศูนย์ฯ ในทุกจังหวัด และขยายศูนย์ย่อยในอำเภอที่มีความพร้อม โดยตั้งเป้าให้เด็กพิการที่มีความยากลำบากด้านการเรียนรู้ การควบคุมพฤติกรรม และการจดจำ เข้าถึงการเรียนในศูนย์ฯ จาก 9,000 คนในปัจจุบัน เพิ่มเป็น 20,000 คน
ออก มติคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับหลักเกณฑ์เงินอุดหนุนรายหัวสำหรับศูนย์การศึกษาพิเศษ ให้สามารถรับ ค่าจัดการเรียนการสอน เพิ่มได้ (รวมใช้งบประมาณเพิ่มเติมปีละไม่เกิน 80 ล้านบาท)
เพิ่มอัตรากำลังครูและบุคลากรสนับสนุน:
ให้เป็นไปตามอัตราส่วนที่เหมาะสมคือ 1:5 โดยคาดว่าต้องเพิ่มบุคลากรอีกประมาณ 2,000 ตำแหน่ง (ภายใน 4 ปี ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นไม่เกินปีละ 500 ล้านบาท)
สนับสนุนการเรียนรวมในระดับอำเภอ: จัดตั้งงบอุดหนุนสำหรับโรงเรียนระดับอำเภอเพื่อให้จัดการเรียนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพิ่มงบลงทุนปรับสภาพแวดล้อม สื่อการเรียนรู้ และเทคโนโลยีช่วยสอน
เพิ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาศักยภาพครูให้สามารถจัดการเรียนการสอนแบบเรียนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพิ่มงบจ้างบุคลากรสนับสนุนเฉพาะทาง เช่น ครูการศึกษาพิเศษ ผู้ช่วยครู นักกิจกรรมบำบัด และนักจิตวิทยา เพื่อให้โรงเรียนสามารถรองรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษได้อย่างเหมาะสม