ภาคการเกษตรของไทยกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อโครงสร้างประชากรเกษตรกรเข้าสู่สังคมสูงวัย ในขณะที่โอกาสทางเศรษฐกิจในชนบทเริ่มหดหาย พรรคประชาชนจึงได้นำเสนอแนวทางใหม่ผ่านนโยบายเกษตรที่มุ่งเน้นการสร้างและสนับสนุน "ผู้ประกอบการและผู้ให้บริการทางการเกษตรรุ่นใหม่" (New Generation Agricultural Entrepreneurs/Service Providers) รวมถึงผู้ให้บริการเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อให้เป็นหัวขบวนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเศรษฐกิจการเกษตรและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน
สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นว่า โอกาสในการประกอบอาชีพในชนบทและในภาคเกษตรกรรมกำลังลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย ในขณะเดียวกัน ห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) ของสินค้าเกษตรหลายชนิดกลับถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนข้ามชาติหรือทุนขนาดใหญ่ ทำให้เกษตรกรรายย่อยขาดอำนาจต่อรองและส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจ นโยบายนี้จึงถูกคิดค้นขึ้นด้วยเหตุผลสำคัญ 4 ประการ คือ
เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ: การสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในภาคเกษตร จะช่วยสร้างและดูดซับมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้หมุนเวียนอยู่ในท้องถิ่น รวมถึงเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ (Demand) ให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่
เพื่อสนับสนุนการลงทุนที่จำเป็น: เพื่อให้เกษตรกรรุ่นใหม่สามารถลงทุนในเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรที่จำเป็นและมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ
เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงแหล่งเงินทุน: ช่วยให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้จริง ซึ่งเป็นอุปสรรคด่านแรกของการเริ่มต้นธุรกิจ
เพื่อสร้างและเติมทักษะ: เพื่อยกระดับทักษะที่จำเป็นในการเพิ่มโอกาสความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผ่านการศึกษาดูงานและการฝึกอบรม
นโยบายนี้มุ่งเน้นการเข้าถึงแหล่งทุนและเข้าถึงทักษะความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ โดยมีองค์ประกอบหลักดังนี้
การสนับสนุนเชิงเป้าหมาย: มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการและผู้ให้บริการทางการเกษตรรุ่นใหม่ ที่ทำธุรกิจใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
การสนับสนุนด้านการเงิน:
เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ: รัฐบาลจะจัดสรรวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษผ่านสถาบันการเงินของรัฐที่เหมาะสม เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
การค้ำประกันเงินกู้: รัฐบาลจะจัดหามาตรการค้ำประกันเงินกู้สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงให้กับธนาคารและเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ
การใช้เครือข่ายพี่เลี้ยง: กำหนดให้เครือข่าย Young Smart Farmers (YSF) ในแต่ละจังหวัด ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการดำเนินการ รวมถึงการติดตามผลหลังจากผู้ประกอบการได้รับการฝึกอบรมและได้รับเงินทุนไปแล้ว'
การเสริมสร้างทักษะ: สนับสนุนกิจกรรมการศึกษาดูงานและการฝึกอบรมระยะสั้น เพื่อเปิดโลกทัศน์และเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ
กลไกการขับเคลื่อนนโยบายนี้จะดำเนินการผ่านการบูรณาการระหว่างหน่วยงานรัฐและสถาบันการเงิน ดังนี้:
กลไกสินเชื่อ: ดำเนินการปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงินของรัฐเป็นหลัก เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หรือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
กลไกการค้ำประกัน: ดำเนินการผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยทำงานร่วมกับ ธ.ก.ส. หรือ สสว. เพื่อให้การค้ำประกันสินเชื่อมีประสิทธิภาพและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
กลไกการกลั่นกรองและติดตาม: ใช้เครือข่าย YSF ระดับจังหวัด เป็นกลไกในพื้นที่เพื่อช่วยคัดกรอง เป็นที่ปรึกษา และติดตามผลการดำเนินงานของผู้กู้
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานมีดังนี้
การเตรียมความพร้อม (Up-skilling): รับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมระยะสั้นและการศึกษาดูงาน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านแผนธุรกิจและเทคโนโลยี
การวิเคราะห์ความเป็นไปได้: ผู้ประกอบการจัดทำแผนธุรกิจ โดยมีเครือข่าย YSF ในจังหวัดช่วยให้คำแนะนำและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุนจริง
การยื่นขอและอนุมัติสินเชื่อ: ยื่นขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษจากสถาบันการเงินของรัฐ (ธ.ก.ส.) โดยใช้กลไกการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. เพื่อช่วยให้ผ่านเกณฑ์การอนุมัติง่ายขึ้น
การลงทุนและการดำเนินงาน: ผู้ประกอบการนำเงินทุนไปลงทุนในเครื่องจักร การแปรรูป หรือระบบจัดการตามแผนที่วางไว้
การติดตามและประเมินผล: เครือข่าย YSF และหน่วยงานรัฐติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุนถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้
เป้าหมายและกรอบงบประมาณ
เพิ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่และผู้ให้บริการทางการเกษตรรุ่นใหม่ (เช่น ผู้ให้บริการโดรน, รถเกี่ยวข้าว, เครื่องจักรกลสมัยใหม่) ที่มีความพร้อมในการให้บริการ รวม 6,000 ราย รายละ 1 ล้านบาทต่อราย กรอบงบประมาณดำเนินการ 2 ปี 6,000 ล้านบาท
ปี 2570 จำนวน 1,000 ราย (1,000 ล้านบาท)
ปี 2571 เพิ่มอีก จำนวน 5,000 ราย (5,000 ล้านบาท)