ความล้าสมัย: เรายังคงใช้หลักสูตรแกนกลางปี พ.ศ. 2551 เป็นหลัก ซึ่งไม่เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและ AI
โครงสร้างที่รวมศูนย์และตายตัว: หลักสูตรส่วนกลางกำหนดรายละเอียดมากเกินไป จนขาดความยืดหยุ่นให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละท้องถิ่น
เนื้อหาแยกส่วน ไม่เชื่อมโยง: วิชาต่างๆ ถูกสอนแยกขาดจากกัน ไม่เน้นการบูรณาการความรู้มาใช้ในชีวิตจริง
มุ่งเน้นการวัดผล มากกว่าการพัฒนา: การสอบกลายเป็นเป้าหมายหลักแทนที่จะเป็นการเติบโตของผู้เรียน
เรามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนระบบการศึกษาให้เป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างและปลอดภัย เพื่อให้เยาวชน "กล้าฝัน กล้าคิด" หลักสูตรการศึกษาต้องเป็น "หลักสูตรที่มีชีวิต" (Living Curriculum) ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความสนใจและประสบการณ์จริงของผู้เรียน ผ่านนโยบายดังนี้:
สร้างระบบการเรียนรู้แบบยืดหยุ่น: พัฒนา "แพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ" หรือระบบธนาคารเครดิต (Credit Bank) เพื่อเชื่อมต่อการเรียนรู้จากหลากหลายช่องทาง ไม่จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน
หลักสูตรคือสนามปฏิบัติการ: เน้นการลงมือทำจริงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อตนเองและสังคม
เชื่อมโยงท้องถิ่นและสากล: เปิดโอกาสให้ อบจ. ภาคประชาชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น ร่วมออกแบบหลักสูตรที่สอดคล้องกับโอกาสในแต่ละพื้นที่
สร้างห้องเรียนที่มีชีวิต: สนับสนุนให้ผู้เรียนตั้งคำถาม เรียนรู้แบบวิพากษ์ (Critical Thinking) และมีส่วนร่วมในการออกแบบเส้นทางการเรียนของตนเอง
เทคโนโลยีสร้างสรรค์เพื่อผู้เรียน: นำ AI Tutor และ Skill Portfolio มาใช้เพื่อเปิดโลกการเรียนรู้และติดตามความก้าวหน้าตามความถนัดเฉพาะบุคคล
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เราจะดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้:
ภายในปีงบประมาณ 2569: จัดตั้งคณะกรรมการและเวทีร่วมออกแบบหลักสูตรการศึกษาใหม่ ที่เน้นให้ผู้เรียน "คิดเป็น ทำได้ สื่อสารดี" ในทุกระดับชั้น เพื่อให้ได้ข้อสรุปอย่างเป็นรูปธรรม
ปี 2570 เปิดตัว แพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ : เพื่อเป็นฐานข้อมูลและเป็นฐานการเชื่อมต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างคล่องตัว เปิดกว้าง และมีประสิทธิภาพ โดยระดมความรู้ ประสบการณ์ เนื้อหาสร้างสรรค์ ในทุกพื้นที่และทุกระดับ ผ่านแพลตฟอร์มนี้
การเสริมพลังครู: สนับสนุนการเรียนรู้ของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเพิ่มพูนทักษะให้สามารถเปลี่ยนบทบาทของครูจากการเป็น “ผู้ถ่ายทอดความรู้” ไปเป็น “ผู้อำนวยการเรียนรู้” (Facilitator) โดยใช้เทคโนโลยีและสะท้อนผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
การวิจัยและพัฒนาต่อเนื่อง:
จัดตั้ง "สถาบันวิจัยและพัฒนาหลักสูตร" ที่เป็นมืออาชีพ เพื่อติดตาม ประเมินผล ศึกษาวิจัยหลักสูตรใหม่ สามารถยกระดับการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรของไทยได้อย่างต่อเนื่อง
ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากการศึกษาวิจัยแบบสหวิทยาการ เพื่อให้เห็นมุมมองในการพัฒนาหลักสูตรอย่างครบถ้วน