ปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้การเรียนรู้ของคนเปลี่ยนไปทั้งกระบวนการและรูปแบบ การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ระบบการศึกษาไทยไม่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งมีสาเหตุหลัก 3 ประการ:
การเรียนรู้แบบ “แยกโลก": ผู้เรียนต้องใช้ชีวิตอยู่ในสองโลกที่แทบไม่เชื่อมโยงกัน คือโลกในห้องเรียนที่เน้นวิชาการตามตำรา และโลกนอกห้องเรียนที่เต็มไปด้วยประสบการณ์จริง ความแยกส่วนนี้ทำให้ผู้เรียนรู้สึกอึดอัดและไม่สามารถดึงศักยภาพออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
กับดักความเหลื่อมล้ำข้ามรุ่น: ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้เยาวชนจำนวนมากต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา เมื่อพวกเขาเข้าไม่ถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ โอกาสในการยกระดับฐานะก็หายไป เกิดความเสี่ยงที่จะส่งต่อ "ความยากจนข้ามรุ่น" ต่อไปไม่รู้จบ
ทรัพยากรที่ถูกมองข้าม: สังคมไทยมี "ครู" ที่อยู่นอกโรงเรียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ ปราชญ์ชาวบ้าน หรือกลุ่มภาคประชาสังคมที่จัดเทศกาลการเรียนรู้อยู่เสมอ แต่ความรู้เหล่านี้กลับไม่เคยถูกนับรวมหรือให้ค่าในระบบการศึกษาหลัก
เรามุ่งมั่นที่จะสร้าง "ระบบการศึกษาแบบไร้รอยต่อ" (Seamless Education System) ที่เชื่อมโยงความรู้จากทุกแหล่งเข้าด้วยกัน โดยมี 4 องค์ประกอบสำคัญ:
แพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ: ฐานข้อมูลดิจิทัลที่รวบรวมหลักฐานและผลงานการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน เพื่อนำมาวิเคราะห์และออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ (Learning Path) ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและแต่ละพื้นที่
ผู้แนะนำหลักสูตร (Curriculum Navigator): ต้องมีผู้ดูแลการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดแค่ในโรงเรียน แต่รวมถึงศูนย์การเรียนรู้หรือบ้านเรียน (Home School) ที่คอยวางแผนการเรียนให้สอดคล้องกับชีวิตจริงของผู้เรียน
วิชาหรือกิจกรรมการเรียนรู้: เปิดกว้างให้ผู้เชี่ยวชาญภายนอกและสถานประกอบการสามารถเสนอตนเป็นผู้จัดหลักสูตร (Course Organizers) เทียบเคียงเป็นหนึ่งวิชาที่ผู้เรียนสามารถนำไปประกอบเครดิตในหลักสูตรที่ผู้แนะนำหลักสูตรวางไว้ได้
หน่วยเทียบเคียงประสบการณ์การเรียนรู้:
จัดตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประเมินและรับรองผลการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อบันทึกลงในแพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ โดยเน้นผลลัพธ์เชิงประจักษ์มากกว่าการยึดติดกับคุณค่าหรือทัศนคติรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
บุคลากรในหน่วยงานนี้ควรมีการทำงานด้านการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการศึกษาที่ไร้รอยต่อ จะดำเนินการผ่านมาตรการเชิงโครงสร้างและงบประมาณ ดังนี้:
วางรากฐานระบบใหม่: พัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติและหน่วยเทียบเคียงประสบการณ์ให้พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบภายในปีการศึกษา 2570
รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้มีการจัดหลักสูตรเฉพาะทาง เช่น สุขภาพจิตเยาวชน, การป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ และภาษาต่างประเทศ รวมถึงการนำสื่อการเรียนรู้จากต่างประเทศ มาให้ผู้สอนและผู้เรียนใช้งานผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้
สนับสนุนบุคลากร: จัดทำระบบพัฒนาเทคนิคการจัดการศึกษาและการจัดการเรียนรู้ใหม่ๆ ให้แก่ผู้แนะนำหลักสูตร (Curriculum Navigator) ผู้จัดหลักสูตร (Course Organizers) ครูในระบบ และผู้สนใจนอกระบบ เช่น ครูในระบบจะได้รับงบ 5,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อใช้ยกระดับการจัดการศึกษา
คืนอำนาจการเลือกให้ผู้เรียน (Demand-side Financing): จัดสรร "คูปองการเรียนรู้" (เช่น 2,000 บาท/คน/ปี) ให้เยาวชนสามารถเลือกเรียนวิชาหรือกิจกรรมที่ตนเองสนใจได้อย่างอิสระ ตามแผนที่วางไว้ร่วมกับผู้แนะนำหลักสูตร
จัดการเรียนรู้เหมาะสมกับพื้นที่: รัฐบาลสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะ อบจ. และเทศบาล มีส่วนร่วมในการจัดหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่/กลุ่มวัฒนธรรม/กลุ่มกิจกรรม