เพิ่มงบอาหารกลางวันนักเรียน

1. วิกฤตสุขภาพเด็กไทย: ข้อมูลปี 2568 ชี้ว่าเด็กไทย (6-14 ปี) ที่มี "ส่วนสูงและน้ำหนักตามเกณฑ์" ลดเหลือเพียงร้อยละ 55 ขณะที่เด็กที่มีภาวะเตี้ยและอ้วนพุ่งสูงขึ้นเกือบ 1 ใน 4 ของทั้งหมด สะท้อนถึงการได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุล
   
   

2. ความหิวโหยที่มองไม่เห็น: ผลสำรวจ PISA 2022 พบว่าเด็กไทยร้อยละ 28 ต้องอดอาหารอย่างน้อย 1 มื้อต่อสัปดาห์เพราะไม่มีเงินซื้อ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 4 เท่า ส่วนเด็กที่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำก็ลดลงด้วย
   
   

3. งบประมาณไม่สอดคล้องกับความจริง: งบรายหัวในปัจจุบันไม่สะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้หลายโรงเรียนไม่สามารถจัดเมนูที่มีสารอาหารครบถ้วนตามมาตรฐานได้จริง
   
   

4. ความเหลื่อมล้ำในโรงเรียนขนาดเล็ก: แม้ได้งบรายหัวที่ 26 บาท แต่ด้วยจำนวนเด็กที่น้อย ทำให้ "เงินก้อนรวม" ไม่เพียงพอต่อค่าต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ขั้นต่ำในการบริหารจัดการ เช่น ค่าแก๊ส ค่าจ้างคนทำอาหาร สร้างภาระให้ครูต้องจัดซื้อและทำอาหารเอง

เรามุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่ "เงินอุดหนุน" และ "ความยืดหยุ่น" ในการบริหารจัดการ ดังนี้:

1. สนับสนุนโรงเรียนขนาดเล็ก: เพิ่มงบประมาณเดือนละ 10,000 บาท เพื่อเป็นต้นทุนจ้างบุคลากรประกอบอาหารโดยเฉพาะ ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 1,800 ล้านบาทต่อปี

2. ปลดล็อกความยืดหยุ่น : เพิ่มงบอาหารรายหัวนักเรียน และปรับการใช้งบอาหารกลางวันให้โรงเรียนสามารถจัดสรรได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่จำกัดแค่ "มื้อกลางวัน" แต่สามารถเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึง "มื้อเช้าและอาหารเสริม" ได้ตามบริบทของโรงเรียน ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 14,000 ล้านบาทต่อปี

1. เพิ่มงบรายจ่ายประจำปีสำหรับการจ้างบุคลากรช่วยประกอบอาหารในโรงเรียน

2. ออกมติ ครม. เพิ่มเงินรายหัวค่าอาหาร และออกแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณค่าอาหารของโรงเรียนใหม่โดยรวมจะใช้งบอาหารโรงเรียนในปีงบประมาณนั้น 46,000 ล้านบาท (จากเดิม 30,000 ล้านบาท)