ใช้ระบบฐานข้อมูลและ AI ปฏิรูปการศึกษา

ในยุคดิจิทัล "เทคโนโลยี" ไม่ใช่แค่ตัวเลือกเสริม แต่คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม

ใช้ระบบฐานข้อมูลและ AI ปฏิรูปการศึกษา

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

  1. การลงทุนที่ไร้ยุทธศาสตร์: แม้ภาครัฐจะลงทุนไปแล้วหลักพันล้านบาทในการพัฒนาระบบจัดการเรียนรู้แห่งชาติ (NDLP) หรือการแจกแท็บเล็ตในอดีต แต่กลับขาดการวางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและเกิดความล่าช้า ทำให้ "เมกะโปรเจกต์" เหล่านี้ยังไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในการศึกษาไทยได้จริง

  2. ข้อมูลที่ไม่ถูกนำมาใช้: เราขาดฐานข้อมูลกลางที่มีคุณภาพ (Big Data) ทำให้กระทรวงฯ และสถานศึกษาประเมินผลสัมฤทธิ์และออกแบบนโยบายได้ไม่ตรงจุด ส่งผลให้การจัดสรรงบประมาณกระจายไปไม่ถึงพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือจริง

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

เราจะผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางการศึกษาในทุกห้องเรียน เพื่อช่วยให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ 4 กลุ่มเป้าหมาย:

  1. นักเรียน: เข้าถึงช่องทางในการเรียนรู้ผ่านระบบดิจิทัล เพื่อประกอบและเสริมการเรียนรู้ในห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็น

    • คลังเนื้อหาคุณภาพ ครอบคลุมทุกวิชา ทุกระดับชั้น ทุกรูปแบบ (เช่น คลิปการสอน แบบฝึกหัด ชีทสรุป) 

    • ระบบ AI Personalised Learning ที่สร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล เช่น ปรับความยากง่ายของแบบฝึกหัดตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน

  2. ครู: เข้าถึงตัวช่วยในการออกแบบแผนการสอนให้กับนักเรียนในห้องเรียน 

    • มีเครื่องมือช่วยจัดตารางเรียน วางแผนการสอน ออกแบบการบ้านหรือการประเมิน วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของนักเรียนรายบุคคล ซึ่งจะช่วยลดภาระงานธุรการและคืนครูสู่ห้องเรียน

    • ช่องทางออนไลน์ในการแลกเปลี่ยนแผนการสอน องค์ความรู้ และเทคนิคการสอนระหว่างครูทั่วประเทศ (เช่น Professional Learning Community: PLC)

  3. สถานศึกษา: เข้าถึงระบบในการบริหารจัดการทรัพยากรของสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ เช่น 

    • ข้อมูลพื้นฐานและผลการเรียนรู้ของนักเรียน เพื่อใช้ในการยกระดับ-ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา ป้องกันปัญหานักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา และประเมินประสิทธิภาพของครูในการจัดการเรียนการสอน 

    • ระบบบริหารจัดการงบประมาณของสถานศึกษา ที่สนับสนุนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้สะดวกต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ และโปร่งใสต่อการตรวจสอบโดยนักเรียนและผู้ปกครอง

  4. กระทรวง: เข้าถึงฐานข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ของเด็กทั่วประเทศ เพื่อประเมินและออกแบบนโยบายที่ตรงจุด เช่น

    • การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อวางแนวทางในการจัดสรรทรัพยากรรายพื้นที่ และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 

    • การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของระบบการศึกษา เพื่อวางแนวทางในการทบทวนกรอบหลักสูตรระดับชาติ และยกระดับมาตรฐานกลาง

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

  1. ลงทุนในการพัฒนา “ระบบการเรียนรู้แห่งชาติ” โดยส่วนกลาง เพื่อเป็นระบบขั้นพื้นฐาน ที่นักเรียนและครูในทุกสถานศึกษาเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้

    • ออกแบบระบบให้รองรับการให้บริการและการเข้าถึงข้อมูลตามแนวทางที่พรรคประชาชนเสนอข้างต้น โดยพิจารณาต่อยอดจากระบบจัดการเรียนรู้แห่งชาติ (NDLP) ที่มีการลงทุนไปแล้ว

    • จัดสรรอุปกรณ์ (เช่น แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก) ให้นักเรียนและครูในระดับชั้นหรือในกลุ่มที่เหมาะสม โดยเริ่มต้นจากการนำร่องและประเมินผล ก่อนขยายผลไปทั่วประเทศ

    • กำหนดให้ทุกสถานศึกษามีบุคลากรด้านเทคโนโลยีอย่างน้อย 1 คน (Digital Champion) เพื่อทำหน้าที่อบรมครูภายในสถานศึกษาให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

  2. ปลกล็อกและจัดสรรงบประมาณให้สถานศึกษา ลงทุนในเทคโนโลยีด้านการศึกษาที่เหมาะสมกับความต้องการของสถานศึกษา เพิ่มเติมจาก “ระบบการเรียนรู้แห่งชาติ” ของส่วนกลาง

    • ปลดล็อกให้สถานศึกษามีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการนำงบรายหัว (ที่ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 5 ด้าน) มาใช้ในการจัดซื้อบริการเทคโนโลยีด้านการศึกษาสำหรับแต่ละสถานศึกษา (เช่น โปรแกรมเพื่อการเรียนการสอน สื่อการสอนออนไลน์ อุปกรณ์ดิจิทัลเสริม)

    • ปรับปรุงและใช้ประโยชน์จาก “กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา” ที่มีอยู่แล้ว ในการสนับสนุนการจัดซื้อบริการเทคโนโลยีด้านการศึกษาสำหรับโครงการในระดับพื้นที่หรือกลุ่มสถานศึกษา