ปราบทุนนอมินี/ทุนเทาเด็ดขาด ปกป้องผู้ประกอบการไทย

ปราบทุนนอมินี/ทุนเทาเด็ดขาด ปกป้องผู้ประกอบการไทย

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

• ความเสียหายทางเศรษฐกิจ: วิกฤตการณ์นอมินี (Nominee) และทุนสีเทา คือหายนะต่อเศรษฐกิจที่ทำลายโครงสร้างการแข่งขันอย่างรุนแรง ในปี 2567 รัฐบาลจับผู้กระทำผิดได้ 873 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย 15,587 ล้านบาท ทั้งหมดนี้อาจไม่ถึง 1% ของปัญหา

• เครือข่ายไทยเทา: ปัญหานี้ดำรงอยู่ได้เพราะมีกลุ่มทุน ข้าราชการ และนักการเมืองไทยที่สนับสนุนให้เกิดนอมินี เพื่อหลบเลี่ยงความรับผิดชอบและเลี่ยงภาษี

• บทลงโทษต่ำเกินไป: ปัจจุบันบทลงโทษตาม พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 และ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ต่ำเกินไป โดยกำหนดโทษ “จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2 พันบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ” และที่ผ่านมา ก็ทำโทษเพียงปรับ 2 พันบาท  ทำให้กลุ่มทุนไม่เกรงกลัว และมองว่าเป็นเพียงต้นทุนทางธุรกิจที่ยอมจ่ายได้ นอกจากนี้หน่วยงานรัฐยังทำงานแบบแยกส่วน ทำให้การดำเนินคดีล่าช้าใช้เวลานานนับปี

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

• มาตรการคัดกรองเชิงรุก: เพิ่มความเข้มงวดในการจดทะเบียนนิติบุคคล โดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้ากับฐานข้อมูลของหน่วยงานสำคัญแบบอัตโนมัติ เช่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), และกรมสรรพากร เพื่อระบบแจ้งเตือนความผิดปกติของโครงสร้างถือหุ้น

• กลไกตรวจสอบโดยประชาชน: สร้างระบบร้องเรียนที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีกลไกที่รัฐต้องตอบสนองต่อเรื่องร้องเรียนอย่างชัดเจน

• ปฏิรูปบทลงโทษ: เพิ่มบทลงโทษให้สูงขึ้นและลดระยะเวลาการดำเนินคดีให้สั้นลง เพื่อสร้างความยำเกรงและกำจัดการกระทำผิดซ้ำ

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

1. มาตรการเปิดข้อมูล (OPEN)

  • ข้อมูลเปิด (Open Data) (ภายใน 3 เดือน): เปิดเผยข้อมูลนิติบุคคลให้สาธารณะเข้าถึงได้ เพื่อให้ประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้ตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นอันซับซ้อน
  • การเปิดเผยประวัติผู้กระทำผิด (ภายใน 6 เดือน): เปิดเผยรายชื่อบริษัทที่ถูกปรับ ตักเตือน หรือเพิกถอนใบอนุญาต เพื่อให้ภาคประชาสังคมช่วยตรวจสอบคู่ขนานกับรัฐ
  • พัฒนา Machine Learning คัดกรองกลุ่มเสี่ยง (ภายใน 6 เดือน): พัฒนาโมเดลวิเคราะห์กลุ่มเสี่ยงผ่านระบบวิเคราะห์ธุรกิจเชิงบูรณาการ (Integrated Business Analysis System - IBAS) เพื่อคัดกรองพฤติกรรมการถือหุ้นไขว้

2. การมีส่วนร่วมของประชาชน (PEOPLE)

  • ประกาศวาระแห่งชาติ (ภายใน 3 เดือน): รณรงค์ให้ประชาชนทั่วประเทศแจ้งเบาะแส เพื่อลดข้อจำกัดด้านกำลังเจ้าหน้าที่รัฐ
  • พัฒนา Dashboard รับเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบได้ (ภายใน 3 เดือน): ยกระดับระบบ ทราฟฟี่ ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ให้เป็นศูนย์กลางการจัดการเรื่องร้องเรียนที่โปร่งใส ติดตามผลได้ตามเวลาจริง (Real-time)
  • เพิ่มรางวัลนำจับ (ภายใน 3 เดือน): สร้างแรงจูงใจและสวัสดิการคุ้มครองสำหรับผู้แจ้งเบาะแส เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกล้าชี้เป้าผู้กระทำความผิด

3. การปราบปรามเชิงรุก (SUPPRESS)

  • ตรวจสอบผู้ให้การสนับสนุน (ภายใน 3 เดือน): มุ่งเป้าตรวจสอบบริษัทบัญชีและสำนักงานกฎหมายที่รับจ้างถือหุ้นแทนทุนนอมินี โดยตั้งเป้าตรวจสอบเพิ่มขึ้น 50%
  • ตรวจสอบทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ (ภายใน 3 เดือน): ร่วมกับกรมที่ดินและ ปปง. ตรวจสอบการฟอกเงินผ่านบ้านหรูและที่ดิน ยึดคืนทรัพยากรที่นอมินีถือครองโดยมิชอบให้ได้มากขึ้น 10%
  • ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย (ภายใน 6 เดือน): แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปราบนอมินี และสนับสนุนธุรกิจต่างชาติที่ถูกกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
  • สร้างร่วมมือกับสากล (ภายใน 3 เดือน): เนื่องจาก ทุนเทา/นอมินีจำนวนมากประกอบธุรกิจข้ามพรมแดน เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามขาติ และการฟอกเงิน ไทยควรยกระดับเป็นศูนย์กลางการปราบปรามทุนเทา / นอมินี