ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตมลพิษทางน้ำขั้นรุนแรง รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2567 ระบุว่า ร้อยละ 86 ของแหล่งน้ำ 56 แห่งทั่วประเทศ ไม่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวเชิงโครงสร้างที่สั่งสมมานาน โดยมีสาเหตุหลักดังนี้:
• วิกฤตน้ำเสียชุมชน: ปัจจุบันมีน้ำเสียเกิดขึ้นกว่า 5,300 ล้าน ลบ.ม./ปี แต่เข้าสู่ระบบบำบัดเพียง 11% (582 ล้าน ลบ.ม.) ส่วนอีก 89% ถูกปล่อยทิ้งโดยไม่ผ่านการบำบัด นอกจากนี้ ระบบที่มีอยู่ยังเดินเครื่องได้เพียง 57% ของศักยภาพ เนื่องจากขาดงบประมาณเดินระบบและบำรุงรักษา (O&M)
• ความล่าช้าของโครงการ: แผนยุทธศาสตร์ชาติตั้งเป้าสร้างระบบบำบัด 780 แห่งภายในปี 2580 แต่ช่วงปี 2564–2567 อนุมัติได้เพียง 4 แห่ง หากทำด้วยอัตรานี้ต้องใช้เวลาถึง 60 ปีจึงจะบรรลุเป้าหมาย
• วิกฤตสิ่งปฏิกูล: มีเพียง 16% ของสิ่งปฏิกูลที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้อง อีก 84% ถูกลักลอบทิ้งลงดินและน้ำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 97% ไม่มีระบบกำจัดสิ่งปฏิกูล และรถดูดส้วมกว่า 53% ไม่มีใบอนุญาต
เราจะปฏิรูประบบจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลแบบเบ็ดเสร็จ โดยกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นดูแลเหมือนสาธารณูปโภคพื้นฐาน (ถนน/ขยะ) ด้วยเป้าหมาย "แผนยกระดับ 8 ปี" ผ่าน 2 แนวทางหลัก:
1. การจัดการน้ำเสีย (Wastewater)
• แก้กฎหมายและระบบกำกับ: แก้ไข พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ให้กรมทรัพยากรน้ำเป็นเจ้าภาพ ใช้หลักการ "ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle)" และการอนุญาตปล่อยน้ำเสียตามความสามารถในการรับมลพิษของแหล่งน้ำ (Load-based Permitting)
• ลงทุนอย่างมีเป้าหมาย: มุ่งเน้นพื้นที่วิกฤต พื้นที่เศรษฐกิจ และริมแม่น้ำ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนน้ำเสียเข้าระบบจาก 11% เป็น 60% ภายใน 8 ปี
• สร้างความเป็นธรรม: จัดเก็บค่าบำบัดน้ำเสีย (อาจรวมกับค่าน้ำประปา) โดยใช้ระบบอุดหนุนข้ามกลุ่ม (Cross-subsidy) โดยให้ภาคพาณิชย์/อุตสาหกรรมช่วยอุดหนุนภาคครัวเรือน เพื่อสร้างความเป็นธรรมและยั่งยืน
• ฐานข้อมูล Real-time: สร้างระบบตรวจสอบคุณภาพน้ำออนไลน์ (Online Monitoring) เพื่อการกำกับดูแลเชิงรุก
• การมีส่วนร่วม: สร้างความรู้ให้ประชาชนและดึงชุมชนเข้าร่วมตัดสินใจโครงการตั้งแต่ต้น
2. การจัดการสิ่งปฏิกูล (Septage)
• ระบบกลุ่มพื้นที่ (Cluster): จัดตั้งศูนย์กำจัดสิ่งปฏิกูลระดับอำเภอ (1 อำเภอ 1 ระบบ) รวม 878 แห่ง เพื่อแชร์ทรัพยากรระหว่างท้องถิ่น
• ใช้ระบบบำบัดร่วม (Co-treatment): ปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียเดิมให้รองรับการกำจัดสิ่งปฏิกูลได้ด้วย เพื่อลดต้นทุนก่อสร้าง
• ยกระดับมาตรฐาน: ควบคุมมาตรฐานถังเก็บกัก ออกใบอนุญาตรถขนส่งสิ่งปฏิกูล และติดตามการทิ้งผ่านระบบรายงานข้อมูล
แผนปฏิบัติการ 8 ปี และการลงทุน (รวม 67,000 ล้านบาท)
1. ระบบบำบัดน้ำเสียรวม:
• เป้าหมาย: 780 โครงการ ครอบคลุม 464 อปท. (เน้นพื้นที่ท่องเที่ยว ลุ่มน้ำเสื่อมโทรม)
• งบประมาณ: เร่งรัดการลงทุนกว่า 60,000 ล้านบาท
• ผลลัพธ์: แก้ปัญหาน้ำเสียในพื้นที่วิกฤตและเพิ่มประสิทธิภาพระบบเดิม
2. ระบบบำบัดสิ่งปฏิกูล:
• เป้าหมาย: "1 อำเภอ 1 ระบบบำบัด" จำนวน 878 โครงการ โดยรถดูดส้วมจากตำบลต่างๆ จะนำมาทิ้งรวมที่อำเภอ
• งบประมาณ: ลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท
• ผลลัพธ์: ยุติการลักลอบทิ้งสิ่งปฏิกูลและควบคุมโรคระบาด
ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจและสังคม:
• เศรษฐกิจหมุนเวียน: เม็ดเงิน 67,000 ล้านบาท จะกระตุ้นภาคก่อสร้าง วัสดุ และเทคโนโลยี
• การจ้างงาน: สร้างงานในกว่า 400 ชุมชน ทั้งวิศวกร ช่างเทคนิค และแรงงาน
• Green Jobs: เกิดการจ้างงานระยะยาวในการเดินระบบและบำรุงรักษา (O&M) ตลอดอายุโครงการ
• คุณภาพชีวิต: ลดมลพิษทางน้ำ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และลดความเสี่ยงด้านสาธารณสุขอย่างยั่งยืน