กระจายงบซ่อมและสร้างถนนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

จัดงบสร้างถนนตามหลักวิชาการโดยใช้เทคโนโลยี แทนการใช้อำนาจการเมืองแย่งงบสร้างถนนลงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง

กระจายงบซ่อมและสร้างถนนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

การบริหารจัดการถนนในปัจจุบันประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่และความไร้ประสิทธิภาพในการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและภาษีของประชาชน:

  • งบประมาณกระจุกตัวทางการเมือง: มีการกระจายงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม โดยบางจังหวัดได้รับงบประมาณสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศหลายเท่า (เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ในปี พ.ศ. 2566 ได้รับมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4.29 เท่า) ในขณะที่จังหวัดอื่นงบประมาณไม่เพียงพอ
  • ซ่อมไม่ถูกเวลา: ถนนบางสายสภาพดีแต่กลับมีการซ่อมบำรุงซ้ำซ้อน ขณะที่ถนนที่ทรุดโทรมกลับถูกปล่อยทิ้งไว้จนเสียหายหนัก จนต้องใช้วิธี การรื้อฟื้นโครงสร้างถนนใหม่ (Reconstruction) ซึ่งสิ้นเปลืองงบประมาณมากกว่าการซ่อมบำรุงตามวงจรปกติ
  • ความเหลื่อมล้ำระหว่างหน่วยงาน: ในปี พ.ศ. 2567 กรมทางหลวงได้รับงบซ่อมเฉลี่ย 351,000 บาท/กม. กรมทางหลวงชนบทได้รับ 382,000 บาท/กม. แต่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กลับได้รับเพียง 58,000 บาท/กม. ซึ่งไม่เพียงพอแม้แต่จะซ่อมแซมหลุมบ่อเบื้องต้น

 

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

เราจะเปลี่ยนระบบการจัดการถนนจาก "ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา" ไปสู่ระบบที่ใช้ข้อมูลและความจำเป็นจริงเป็นตัวตั้ง ผ่านการผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติถนน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่:

  1. การจัดการที่เป็นวิทยาศาสตร์: นำระบบ การบริหารจัดการงานทาง (Pavement Management System - PMS) และ การบริหารจัดการงานสะพาน (Bridge Management System - BMS) มาใช้เพื่อวางแผนซ่อมบำรุงล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ
  2. จัดลำดับชั้นถนนใหม่ (Road Hierarchy): ปรับโครงสร้างลำดับชั้นของถนนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและบริบทพื้นที่ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณสอดรับกับฟังก์ชันการใช้งานจริง
  3. กระจายงบประมาณอย่างเป็นธรรม: ปรับปรุงสูตรการจัดสรรงบประมาณเพื่อลดช่องว่างระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่น โดยยึดตามสภาพถนนจริงที่ตรวจสอบได้ ไม่ใช่การเจรจาทางการเมือง

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

1. การจัดลำดับชั้นถนนตามมาตรฐานสากล

กำหนดหลักเกณฑ์ ลำดับชั้นของถนน (Road Hierarchy) ให้ชัดเจน โดยพิจารณาจากผังเมืองรวม ปริมาณจราจร และความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ถนนแต่ละสายทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องและได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม

2. ผลักดันกฎหมายและเครื่องมือจัดการข้อมูล

  • ผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติถนน ให้ผ่านสภาภายในปีแรกและบังคับใช้ในปีที่ 2
  • สำรวจคุณภาพถนนทั่วประเทศเพื่อเก็บข้อมูลความเสียหาย เช่น รอยแตก (Cracking), หลุมบ่อ (Potholes), ร่องล้อ (Rutting) และค่าความขรุขระสากล (International Roughness Index - IRI) เพื่อคำนวณ ดัชนีสภาพทาง (Pavement Condition Index - PCI) ในการจัดลำดับความสำคัญของจุดวิกฤต

3. ยกระดับการทำงานสู่ระดับท้องถิ่น

  • ภายใน 2 ปี ระบบ PMS จะต้องเปิดใช้งานจริงครอบคลุมทางหลวงทั่วประเทศ
  • ภายใน 4 ปี ขยายระบบไปยัง อบจ. เทศบาล และ อบต. พร้อมฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถบันทึกและอัปเดตสภาพถนนแบบเรียลไทม์ผ่านระบบฐานข้อมูลเปิด

4. ปฏิรูปสูตรการจัดสรรงบประมาณ

ปรับสูตรการจัดสรรงบประมาณระยะยาวโดยอ้างอิงข้อมูลจากระบบ PMS และมาตรฐานลำดับชั้นถนน เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณผ่านระบบข้อมูลเปิด (Open Data) ลดความเหลื่อมล้ำและขจัดปัญหาการจัดงบประมาณเอาใจกลุ่มทุนรับเหมา