ปรับยุทธศาสตร์การค้า: บุกตลาดอาเซียนผ่านอีคอมเมิร์ซ

ปรับยุทธศาสตร์การค้า: บุกตลาดอาเซียนผ่านอีคอมเมิร์ซ

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

  • เงินรั่วไหลจากการค้าดิจิทัล: ปัจจุบันแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ขนาดใหญ่ เช่น Lazada, Shopee และ TikTok กลายเป็นช่องทางหลักที่คนไทยกว่า 80% ใช้ซื้อสินค้า
  • วิกฤตสินค้าต่างชาติทะลัก: แพลตฟอร์มเหล่านี้เอื้อให้สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ไหลเข้ามาในปริมาณมหาศาล ทำให้ผู้ผลิตและโรงงานไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ ทำให้การค้าไทยขาดดุลเป็นจำนวนมาก
  • กระทบต่อเศรษฐกิจฐานราก: เมื่อเม็ดเงินจำนวนมหาศาลถูกโอนออกจากระบบเศรษฐกิจไทยกลับไปยังประเทศผู้ผลิตหลัก ทำให้เกิดภาวะเงินรั่วไหลและเศรษฐกิจภายในประเทศซบเซา จึงจำเป็นต้องมีนโยบายปรับยุทธศาสตร์การค้าเพื่อเพิ่มช่องทางส่งออกสินค้าไทยให้ได้มากขึ้น

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนมุ่งเน้นการ "พลิกบทบาท" (Pivot) ของแพลตฟอร์มเหล่านี้ ให้กลายเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยผ่านแนวทางดังนี้:

  • เปลี่ยนแพลตฟอร์มเป็นประตูสู่ตลาดอาเซียน: ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของแพลตฟอร์มที่มีอยู่ทั่วภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และเวียดนาม เพื่อผลักดันสินค้าไทยคุณภาพสูงออกไปจำหน่าย
  • ขยายมาตราส่วนการส่งออก (Scaling Up): ตั้งเป้าผลักดันร้านค้าที่ผ่านการคัดเลือกในระดับ 1,000 ถึง 10,000 ราย เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจในระดับกว้าง
  • สร้างความน่าเชื่อถือระดับสากล: จัดตั้งร้านค้าประเทศไทย (Thailand Pavilion) บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อยืนยันตัวตนและความน่าเชื่อถือของสินค้าไทยต่อผู้ซื้อในต่างประเทศ
  • เป้าหมายเชิงมูลค่า: มุ่งสร้างมูลค่าการค้าและการส่งออกผ่านระบบดิจิทัลในระดับหลายพันล้านบาท

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

1. การเจรจาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD): เป็นหน่วยงานหลักในการเจรจาเชิงนโยบายกับแพลตฟอร์มต่างชาติ เพื่อเปิดช่องทางพิเศษและขอรับการสนับสนุนด้านเครื่องมือขายสำหรับสินค้าไทยในตลาดอาเซียน

2. ยกระดับเทคโนโลยีร่วมกับเครือข่ายสตาร์ทอัพ (Startup)

  • บูรณาการความร่วมมือ: ทำงานร่วมกับสมาคมสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup), สมาคมอีคอมเมิร์ซ (Thai e-Commerce) และสมาคมเทคโนโลยีขนส่ง (LogisTech)
  • อัปเกรดระบบบริหารจัดการ: พัฒนา ระบบจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System - OMS) ของคนไทย ให้สามารถเชื่อมต่อและบริหารจัดการสินค้าบนแพลตฟอร์มต่างชาติได้โดยตรง
  • ฟังก์ชันสนับสนุนการขาย: ติดตั้งระบบ การแปลภาษาอัตโนมัติ (Automated Translation) และระบบ การปรับราคาสินค้าตามพื้นที่ (Dynamic Localization Pricing) ให้สอดคล้องกับค่าเงินและรสนิยมของแต่ละประเทศ

3. ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการจัดส่ง (Local Fulfillment)

  • จัดตั้งคลังสินค้าในต่างประเทศ: ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อสร้าง ระบบบริหารคลังสินค้าและจัดส่งในท้องถิ่น (Local Fulfillment Center) ในกลุ่มประเทศเป้าหมาย เพื่อความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้า
  • มุ่งเป้าตลาดเฉพาะ (Niche Market): เช่น การส่งออกผลไม้แปรรูปของไทยไปยังตลาดเฉพาะกลุ่มในมาเลเซีย

4. อำนวยความสะดวกและการตลาดเชิงรุก

  • ลดอุปสรรคทางการค้า: กรมการค้าต่างประเทศต้องปฏิรูปขั้นตอนการส่งออกให้ง่ายและรวดเร็วขึ้นสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย
  • อัดฉีดงบประมาณการตลาด: ใช้รัฐเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณทำโปรโมชั่น (Promotion), แจกคูปองส่วนลด และอุดหนุนค่าจัดส่งฟรีในช่วงเริ่มต้นโครงการ
  • การคัดเลือกสินค้าคุณภาพ (Curation): จัดตั้งทีมวิจัยและทีมคัดเลือกสินค้า เพื่อวิเคราะห์รสนิยมและพฤติกรรมผู้บริโภคในอาเซียนก่อนผลักดันสินค้าขึ้นระบบ